ทบ.แถลงโต้ CMAC กัมพูชา บิดเบือนกล่าวหาไทย ควรยืนบนข้อเท็จจริง

ทบ.แถลงโต้ CMAC กัมพูชา ให้ข้อมูลบิดเบือน กล่าวหาไทย ย้ำ ควรยืนบนข้อเท็จจริง ในทางตรงกันข้าม พลเรือนไทย ได้รับผลกระทบจากการโจมตีกัมพูชา
31 ธันวาคม 2568 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงต่อกรณี ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ระบุไทยใช้ระเบิดหลายประเภท เช่น ลูกระเบิดทิ้งจากเครื่องบิน, ระเบิดพวง (ระเบิดลูกปราย), ระเบิดควันพิษ (สารเคมี), กระสุนปืนใหญ่ทุกประเภท, ระเบิดขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถคำนวณได้ต่อดินแดนกัมพูชา ทั้งในพื้นที่สู้รบ ที่ตั้งทางทหาร และเป้าหมายพลเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล วัด ชุมชน และพื้นที่เกษตรกรรม ว่า กองทัพบกขอยืนยัน การใช้กำลังของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักยุทธวิธีและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยมุ่งเป้าเฉพาะเป้าหมายทางทหารที่มีความจำเป็นทางยุทธการ มีการควบคุมทิศทาง ระยะ และผลกระทบอย่างรัดกุม ไม่ใช่การใช้อาวุธในลักษณะสุ่มเสี่ยงหรือกระจายโดยไม่เลือกเป้าหมาย จึงไม่ใช่สถานการณ์ที่ควรสร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชน พร้อมย้ำว่า
กองทัพบก ไม่มีการใช้อาวุธเคมีหรือสารพิษใด ๆ ตามที่มีการกล่าวอ้าง และการเชื่อมโยงฝ่ายไทยกับอาวุธต้องห้ามดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อมูลซ้ำซาก ส่วนกรณีที่มีการกล่าวถึงระเบิดลูกปรายนั้น การปฏิบัติของฝ่ายไทยไม่ก่อให้เกิดวัตถุระเบิดตกค้างที่เป็นอันตรายต่อประชาชนตามที่ถูกกล่าวอ้าง
พลตรีวินธัย กล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดในปัจจุบันคือ การตรวจพบวัตถุระเบิดและกระสุนตกค้างจำนวนมากอยู่ในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ทั้งในชุมชน บ้านเรือน วัด โรงเรียน โรงพยาบาล และพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาเอง กองทัพบกจึงเห็นว่า ประเด็นด้านความปลอดภัยของประชาชนควรเริ่มจากการยอมรับข้อเท็จจริง และความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง มากกว่าการกล่าวโทษหรือบิดเบือนข้อมูลต่อสาธารณะ
อีกทั้งการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทยดำเนินไปบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ความจำเป็นทางยุทธการ และการเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของประชาชนและการคุ้มครองพื้นที่พลเรือน การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนหรือบิดเบือน ไม่เพียงไม่สะท้อนความเป็นจริงในพื้นที่ แต่ยังเสี่ยงต่อการสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อความปลอดภัยหรือเสถียรภาพในระยะยาว กองทัพบกจึงขอให้ทุกฝ่ายยึดถือข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้เป็นหลัก และร่วมกันลดการใช้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย







