แท็กซี่ไม่พอใจปรับขึ้นค่าโดยสาร13%

แท็กซี่ไม่พอใจปรับขึ้นค่าโดยสาร13%

ผู้ประกอบการแท็กซี่ไม่พอใจปรับขึ้นค่าโดยสาร 13% เหตุต้องปรับขึ้นเป็น 2 ช่วง เตรียมเสนอรัฐทบทวนใหม่

นายปราโมทย์ โคตรมณี อุปนายกสมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ให้ร้อยละ 13 แต่ไม่เห็นด้วยที่จะปรับขึ้นเป็น 2 ช่วง คือ ร้อยละ 8 ใน 6 เดือนแรก และหลังจากนั้นขยับขึ้นอีกร้อยละ 5 เนื่องจากคนขับแท็กซี่จะต้องเสียค่าปรับจูนมิเตอร์แก่เอกชน ครั้งละ 300 บาท รวม 600 บาท ดังนั้น จึงควรปรับขึ้นครั้งเดียวร้อยละ 13 หรือหากให้ปรับขึ้น 2 ครั้ง ทางรัฐบาลเป็นผู้ออกค่าปรับมิเตอร์ให้ ก็แล้วแต่จะพิจารณา

ทางผู้ขับแท็กซี่พร้อมจะปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น แต่ก็ขอผู้โดยสารให้เข้าใจว่า คงจะไม่สามารถแก้ปัญหาปฏิเสธผู้โดยสารได้ทั้งหมด เพราะบางครั้งก๊าซฯ หมดก็ไม่สามารถรับผู้โดยสารได้ หมดเวลา หมดกะก็ต้องไปเข้าคิวเติมก๊าซฯ เพื่อส่งรถ จึงขอให้เข้าใจธรรมชาติของการขับแท็กซี่ด้วย ซึ่งทางแท็กซี่เองก็จะรณรงค์หากไม่รับผู้โดยสารก็จะปิดไฟด้านหน้า เพื่อให้รับทราบ ส่วนประเด็นปัญหาเรื่องมารยาทคนขับ หรือเรื่องอื่นๆ นั้น บางครั้งก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล จะมาระบุว่าเป็นการบริการที่แย่ของแท็กซี่คงไม่ได้

นอกจากนี้ นายปราโมทย์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรปมาเที่ยวกันน้อยมาก กระทบต่อบริการแท็กซี่ตามสถานที่ท่องเที่ยวและสนามบินสุวรรณภูมิ

นายปราโมทย์ อธิบายด้วยว่า ปัจจุบันนี้ต้นทุนขับแท็กซี่สูงมาก ค่าเช่าปรับขึ้นมาเป็น 650-700 บาท/กะ หลังจากเติมก๊าซฯ และจ่ายค่าเช่าแล้ว จะเหลือรายได้ 200-500 บาท/กะ บางครั้งก็ขาดทุน แล้วแต่โชค การปรับขึ้นค่าโดยสารก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ได้สรุปเรื่องการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์ใหม่แล้ว จะให้ปรับขึ้นเฉลี่ย 13% ซึ่งมาจากการคำนวณอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบกับปีที่อนุมัติให้แท็กซี่ปรับราคาครั้งสุดท้ายเมื่อ 6 ปีก่อน และอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารในช่วงรถติดและจอดนิ่งเพิ่มขึ้นอีกนาทีละ 0.50 บาท จากนาทีละ 1.50 บาท เป็นนาทีละ 2 บาท ส่วนอัตราค่าโดยสารระยะเริ่มต้นคงไว้ที่อัตราเดิม คือ 35 บาท โดยการปรับขึ้นค่าโดยสารจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรกเริ่ม 1 ธันวาคม 2557 ร้อยละ 8 เพื่อรอดูประสิทธิภาพของการให้บริการ หากมีผลน่าพอใจจะอนุมัติปรับขึ้นอีกร้อยละ 5 ในช่วง 6 เดือนหลังจากนั้น

ด้านนายปัฐวี มีราช คณะกรรมการประสานงานกลุ่มผู้ขับรถสาธารณะแท็กซี่ กล่าวว่า อัตราปรับขึ้นดังกล่าวไม่เป็นธรรม เนื่องจากต้นทุนที่นำมาคำนวณใช้ฐานจากกรมการขนส่งทางบก เป็นตัวเลขคลาดเคลื่อน เพราะใช้อัตราเงินเฟ้อในปี 2551 ที่ช่วงนั้นปรับขึ้นค่าแท็กซี่เล็กน้อยตามต้นทุนพลังงานบางส่วน ไม่ได้คำนวณจากเงินเฟ้อทั้งระบบ ในขณะที่ข้อเท็จจริงค่าแท็กซี่ไม่ได้ปรับขึ้นเต็มที่ตามเงินเฟ้อมานับสิบปี ควรใช้ฐานในปี 2548มาคำนวณ นอกจากนี้ การคำนวณต้นทุนมาจากผู้ขับรถที่เช่ารถจากสหกรณ์ต่างๆ ที่มีสัดส่วนร้อยละ 30 ไม่ได้คำนวณจากการเช่าซื้อรถ ซึ่งเป็นผู้ขับส่วนใหญ่ร้อยละ 70

“ผู้ประกอบการเห็นว่าควรขึ้นร้อยละ 13 ทันที และคงค่ามิเตอร์เบื้องต้นที่ 35 บาท เมื่อปรับปรุงบริการแล้วก็ควรอนุมัติปรับขึ้นอีกร้อยละ 13 หรือรวมเป็นร้อยละ 26 ก็จะคุ้มต้นทุนอยู่รอดได้ ดังนั้น อัตราที่ รมว.คมนาคม เห็นชอบจึงรับไม่ได้ และในวันอังคารนี้ (21 ต.ค.) จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว” นายปัฐวี กล่าว