คลื่นลมแรงถล่มหาดปากเมงที่ตรัง

คลื่นสูง3เมตรซัดเข้าฝั่งตั้งแต่ชายหาดปากเมง ติดต่อกันเป็นวันที่3 ส่งผลให้น้ำทะเลไหลเข้าท่วมเพิ่มหลายจุด
วันนี้(14 ก.ค.57) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่จังหวัดตรัง ถูกคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ประกอบกับมีลมกระโชกแรงทำให้น้ำทะเลซัดเข้าหาฝั่งทั้ง 4 อำเภอ ในจังหวัดต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเฉพาะตั้งแต่หาดปากเมง อำเภอสิเกาไปจนถึงหาดยาว อำเภอกันตัง ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งขาติหาดเจ้าไหม ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายเพิ่มหลายจุด โดยที่ชายหาดปากเมง ถนนเลียบชายหาดถูกน้ำทะเลไหลเข้าท่วมทั้งร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนเกือบ 30 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำสูงตั้งแต่ 20-30 เซนติเมตร
บ้านเรือนที่อยู่ริมคลองถูกน้ำทะเลที่มากผิดปกติเอ่อล้นเข้าท่วม จำนวน 3 หลังคาเรือน น้ำสูง 80 - 100 เซนติเมตร ส่วนบริเวณชายหาดปากเมง เจ้าของร้านอาหารกว่า 20 ร้าน ต้องเก็บกวาดขยะและทำความสะอาดหน้าร้านของตนเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวทางทะเลในจังหวัดตรังต้องหยุดชะงักชั่วคราว
เรือทุกชนิดไม่สามารถออกจากฝั่งได้เนื่องจากยังมีคลื่นสูง 3-4 เมตร และภาวะคลื่นลมแรงยังทำให้ต้นสนหักโค่นและรอวันหักโค่นอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังทำให้ทรายที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังเพิ่งนำมาถม เพื่อชะลอความแรงของน้ำบริเวณแนวชายหาดระยะทางยาวกว่า 500 เมตร พังเสียหายทั้งหมด
ด้านนายมาโนช วงษ์สุรีย์รัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมจังหวัดตรัง กล่าวว่า คลื่นลมที่พัดเข้ามาขณะนี้ถือว่ายังน้อยมาก แต่จะหนักมากเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน ซึ่งผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นกับบริเวณพื้นที่ชายหาดปากเมงขณะนี้ เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากลักษณะของเขื่อนกันตลิ่งที่มีลักษณะไม่ได้ช่วยป้องกันปัญหา แต่ทำให้เกิดผลกระทบต่อชายหาดปากเมงโดยตรง
ดังนั้นในระยะสั้นคงต้องนำกระสอบทรายมาวางกั้นแนวคลื่น ส่วนระยะยาวหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำการศึกษาวิจัยกันใหม่ว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำลักษณะนี้ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของกระแสคลื่นด้วยหรือไม่ และอาจต้องปรับรูปแบบการสร้างเขื่อนแนวใหม่หมดในหลายหมู่บ้าน







