รถทัวร์พลิกคว่ำหวิดตายหมู่

รถทัวร์สาย"เลย-โคราช"เสียหลักพลิกคว่ำที่แก่งคอย หวิดตายหมู่ โชคดีแค่บาดเจ็บ38ราย เหตุฝนตกถนนลื่น หนุ่มวิศวะขับรถอัดเสาไฟฟ้าดับ คาดเมา
การเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยังคงเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คนไทยต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
โดยเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วานนี้ (15 เม.ย.) ตำรวจ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถทัวร์โดยสาร เลย-โคราช-ระยองพลิกคว่ำ เป็นรถของบริษัทนครชัยขนส่ง ทะเบียน 10-7223 นครราชสีมา ที่เกิดเหตุรถทัวร์โดยสารคันดังกล่าวเสียหลักคว่ำตกลงข้างทางริมถนนบ้านนา-แก่งคอย ช่วงกิโลเมตรที่ 13 ต.ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งมีผู้โดยสาร 54 คนได้รับบาดเจ็บ 38 ราย เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.แก่งคอย และมีผู้บาดเจ็บ สาหัส 1 ราย ถูกส่งรักษาตัวต่อที่รพ.สระบุรี ทั้งนี้มีรายงานว่าทั้งหมดปลอดภัยแล้ว
คนขับรถให้การว่า ขณะรถทัวร์คันดังกล่าววิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ฝนหยุดตกแล้วแต่พื้นถนนยังชุ่มน้ำ รถเสียหลักหลุดโค้งพลิกคว่ำชนต้นไม้และชนกับร้านค้าที่กำลังก่อสร้างหน้าบ้านหลังหนึ่ง จนทำให้ร้านค้าดังกล่าวซึ่งสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีคนอยู่พังลงมา นอกจากนี้ หลังคาร้าน ระเบียงรั้วปูนหน้าบ้านก็พังปิดทับประตูบ้าน ทำให้คนที่อยู่ในบ้านไม่สามารถออกมาได้ ต้องปีนหน้าต่างออกมา
สงขลากระบะชนจยย.ดับ2
ที่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 00.10 น.วันเดียวกัน ร้อยเวร สภ.หาดใหญ่ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนประสานงากับรถจักรยานยนต์บริเวณกลางสี่แยกไฟแดง ใกล้ห้างบิ๊กซีหาดใหญ่ ถนนลพบุรีราเมศวร์ หมู่ที่ 3 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ มีผู้เสียชีวิตคาที่ 1 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน จึงได้ไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยท่งเซียเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่ และเจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรหาดใหญ่
ที่เกิดเหตุบนถนนพบซากชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน คษร 151 สงขลา ถูกชนขาดท่อนกองอยู่บนพื้นกระจัดกระจาย และมีเสาไฟฟ้าส่องทางหักโค่นล้มกลางถนน 1 ต้น ข้างถนนพบศพนายวีระพงศ์ กาฬวงศ์ อายุ20 ปีอยู่บ้านเลขที่ 362 หมู่ที่ 12 ต.พระนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง นอนเสียชีวิตคาที่และมีคนบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คนคือ นายเชิดศักดิ์ เนินชอบ อายุ 21 ปีอยู่บ้านเลขที่16/1 หมู่ที่ 6 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ แต่คนเจ็บได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลัก สีบรอนทอง 4 ประตู ทะเบียน กจ3464 สงขลา คู่กรณีตกอยู่ข้างทางห่างจากซากรถจักรยานยนต์ประมาณ 200 เมตร สภาพรถด้านหน้าพังยับ ล้อหลังแตก 1 เส้น แต่คนขับกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่เกิดเหตุ ทราบชื่อนายภัทรพงศ์ รัตนภักดีชนะกุล อายุ 26 ปีอยู่บ้านเลขที่ 2/267หมู่ที่ 7 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุรถยนต์กระบะวิ่งตรงมาจากเส้นทางไปพัทลุง ด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้าเข้า อ.เมืองสงขลา ถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสี่แยกไฟแดง เป็นจังหวะเดียวกับที่รถจักรยานยนต์วิ่งข้ามมาจากฝั่งถนนเส้นทางไปวัดอัมพวัน ต.คลองแห พอดีเกิดชนประสานงากันอย่างจังกลางสี่แยก ทำให้รถจักรยานยนต์กระเด็นขาดท่อนส่วนคนขี่รถจักรยนต์สองคนกระเด็นตกไปข้างทางเสียชีวิต
ส่วนรถกระบะเสียหลักชนเสาไฟฟ้าหักโค่นล้ม 1 ต้นยางล้อหลังแตก และตกลงไปข้างทาง เบื้องต้นตำรวจนำตัวคนขับรถกระบะไปตรวจแอลกอฮอล์และปล่อยตัวไปชั่วคราวเพื่อรอตรวจสอบ แต่ยังไม่แจ้งข้อหา เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีสัญญาณไฟจราจร อาจมีฝ่ายไหนกระทำผิดฝ่าฝืนสัญญาณไฟจนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
เด็กวิศวะซิ่งเก๋งอัดเสาไฟดับคารถ
ขณะที่เมื่อเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ สน.บางนา รับแจ้งอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิตบริเวณหน้าโชว์รูมโตโยต้าสุขุมวิท ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า แขวงและเขตบางนา กทม.ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 70/3 ประมาณ 100 เมตร พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียน ฌต 7480 กทม. สภาพพังยับอยู่บนฟุตบาธ ด้านขวาอัดก๊อบปี้พับครึ่งติดกับเสาไฟฟ้าขนาดกลาง สูงประมาณ 6 เมตร โดยเสาไฟฟ้าหักโค่น ยางล้อแตก พบขวดโซดาตกกระเด็นออกจากรถจำนวน 2 ขวด
ส่วนคนขับเสียชีวิตคาพวงมาลัยรถ เจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องตัดถ่างนำศพออกมา ทราบชื่อ นายณัชกลพัชร์ พงศ์ปณัยกร อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 ซ.ปุณวิถี 15 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. จากการสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของศูนย์บริการโตโยต้า ให้การว่า ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังโครมที่บริเวณหน้าโชว์รูม จึงได้ไปดูก็พบรถคันดังกล่าวพุ่งชนเสาไฟฟ้าแล้ว
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ประสานทางญาติให้ทราบ จากข้อมูลทราบว่าผู้ตายเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมไฟฟ้า ม.อีสเทริ์นเอเชีย โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถไปทานข้าวต้มกับแฟนสาวภายในซอยอุดมสุข ก่อนจะขับรถมาส่งแฟนที่บ้านภายในซอยแบริ่ง 62 และมาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว
ส่วนสาเหตุคาดว่าผู้ตายอาจจะดื่มสุราสังสรรค์กับเพื่อนฉลองเทศกาลสงกรานต์จนมึนเมา เพราะที่เกิดเหตุยังพบขวดโซดากระเด็นออกจากรถ และที่ท้ายรถยังพบขวดสุราต่างประเทศ 1 ขวด จากนั้นได้ขับรถกลับโดยใช้ความเร็วสูง ประกอบกับช่วงเวลาเกิดเหตุมีฝนตกลงมาทำให้ถนนลื่น จึงทำให้รถเสียการทรงตัวหมุนเหวี่ยงอัดเข้ากับเสาไฟฟ้าจนเสียชีวิตคาที่
ยอดสังเวยสงกรานต์พุ่ง204ศพ
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานแถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2557 เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย.2557 ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ ว่า เกิดอุบัติเหตุ 488 ครั้ง (ปี 2556 เกิด 451 ครั้ง) เพิ่มขึ้น 37 ครั้ง ร้อยละ 8.20 ผู้เสียชีวิต 43 ราย(ปี 2556 เสียชีวิต 45 ราย) ลดลง 2 ราย ร้อยละ 4.44 ผู้บาดเจ็บ 502 คน (ปี 2556 บาดเจ็บ 494 คน) เพิ่มขึ้น 8 คน ร้อยละ 1.62
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 43.03 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 22.34 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.23 รถปิคอัพ ร้อยละ12.30 พฤติกรรมเสี่ยงก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 22.02 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 62.50 บนถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 43.03 ทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 32.58 เวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 4 วัน (วันที่ 11-14 เม.ย.2557) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,027 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 130 ครั้ง หรือ ร้อยละ 6.85 ผู้เสียชีวิตรวม 204 ราย ลดลงจากปีที่ผ่านมา 15 ราย หรือ ร้อยละ 6.85 ผู้บาดเจ็บรวม 2,142 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 122 ราย หรือ ร้อยละ 6.04
ขณะที่จังหวัดที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุ (อุบัติเหตุเป็นศูนย์) ได้แก่ ชัยภูมิส่วนจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) รวม 12 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ชัยภูมิ ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยนาท นครนายก เพชรบุรี ลพบุรี อ่างทอง นราธิวาส พังงา และยะลา
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 75 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 11 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 82 ราย
“เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเทศกาลสงกรานต์ปี 2556 พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตลดลง ขณะที่จำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น โดยรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังคงเป็นการเมาแล้วขับ” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
ประชาชนทยอยกลับกรุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. พบว่าประชาชนจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มทยอยเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งยังมีวันหยุดราชการในวันที่ 16 เม.ย.อีก 1 วัน
โดยเฉพาะที่ จ.บุรีรัมย์ ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางด้วยรถโดยสารและรถไฟอย่างต่อเนื่อง จนตั๋วรถไฟขาเข้ากรุงเทพฯ ถูกจองเต็มทั้ง 24 ขบวน ไปจนถึงวันที่ 20 เม.ย.นี้ ทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องจัดขบวนรถเสริมรองรับผู้โดยสารที่ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าเพิ่ม อีกวันละ 14 ขบวน ขณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจัดรถเสริมเพิ่มวันละ 60 เที่ยว เพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง
ส่วนสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพ ช่วงทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมา-ขอนแก่น เริ่มมีรถยนต์มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง แต่การจราจรยังคล่องตัวตลอดเส้นทาง เช่นเดียวกับการสัญจรบนถนนสายหลักจากภาคเหนือมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เริ่มมีปริมาณรถที่หนาแน่นขึ้น โดยเฉพาะบนถนนสาย 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก และทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ทำให้ตำรวจต้องปิดกั้นทางแยกเดชาติวงศ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เพื่อเร่งระบายรถ โดยการจราจรยังคงคล่องตัวได้ดี







