เด็กไทย'เฮ'รับสนธิสัญญาสิทธิเด็กฉบับใหม่

สนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กฉบับใหม่ที่เด็กสามารถร้องเรียนไปยังสหประชาชาติโดยตรงเมื่อถูกละเมิดสิทธิ
ตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไปเด็กในประเทศไทยที่ถูกละเมิดสิทธิสามารถส่งเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติได้โดยตรง และจะมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 14 เมษายนนี้
พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่องกระบวนการติดต่อร้องเรียน หรือ Optional Protocol to the Convention of the Rights of the Child on a Communication Procedure(OP3 CRC) ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเมื่อเดือนกันยายน 2555 อนุญาตให้เด็ก กลุ่มเด็ก หรือตัวแทนของเด็กสามารถส่งเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ได้โดยตรงในกรณีที่ถูกละเมิดสิทธิ และไม่สามารถใช้กระบวนการที่มีอยู่ในประเทศในการได้รับความยุติธรรม
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก หรือ the Convention on the Rights of the Child (CRC)ได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติในปี 2532 และเป็นสนธิสัญญาที่มีประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันมากที่สุดในโลก โดยอนุสัญญาฯ ได้ระบุสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กทุกคนในโลกและหน้าที่ของรัฐในการพิทักษ์สิทธิเด็ก ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเมื่อปี 2535 และเป็นหนึ่งใน 193 ประเทศที่ได้ให้สัตยาบัน
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกและเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ให้สัตยาบันในพิธีสารเลือกรับฯ เรื่อง กระบวนการติดต่อร้องเรียน และจนถึงเดือนมีนาคม 2557 มีอีก 9 ประเทศที่ให้สัตยาบัน ได้แก่ อัลบาเนีย โบลิเวีย คอสตา ริก้า กาบอง เยอรมัน มอนโตนิโกร โปรตุเกส สโลวาเกีย และสเปน
"นับเป็นก้าวที่สำคัญและน่าชื่นชมมากของประเทศไทยซึ่งได้แสดงความเป็นผู้นำในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิเด็ก ยูนิเซฟจะทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาลในเรื่องที่เกี่ยวกับพิธีสารเลือกรับฯ ฉบับนี้ยูนิเซฟขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลไทยที่ได้ให้สัตยาบันในพิธีสารเลือกรับฯ ฉบับนี้ซึ่งถือเป็นสนธิสัญญาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และยังเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้สัตยาบันอีกด้วย"นายพิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าว
นางระรินทิพย์ ศิโรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า รัฐบาลจะร่วมมือกับองค์กรพัฒนาเอกชนและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อพัฒนากลไกในการรับเรื่องราวร้องเรียนจากสำหรับคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติภายใต้พิธีสารเลือกรับฯ ฉบับนี้ ในขณะเดียวกันก็จะปรับปรุงระบบคุ้มครองเด็ก ตลอดกระบวนการร้องเรียนและกระบวนการเยียวยาภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น
"พิธีสารเลือกรับฯ เรื่องกระบวนการติดต่อร้องเรียน เป็นการประกันว่า ประเทศไทยยืนยันที่จะเคารพและคุ้มครองสิทธิ อย่างเต็มที่เรื่องนี้ถือเป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงและพัฒนากระบวนร้องเรียนและกระบวนการเยียวยาภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรายังต้องส่งเสริมให้เด็กๆ ตระหนักถึงสิทธิของตนเอง และให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในการปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างเต็มที่"นางระรินทิพย์ กล่าว
นอกจากพิธีสารเลือกรับฯ ฉบับนี้แล้ว ประเทศไทยยังได้ให้สัตยาบันในพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอีก 2 ฉบับในปี 2549 คือ พิธีสารเลือกรับฯ เรื่องการขายเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก และพิธีสารเลือกรับฯ เรื่องความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งด้วยอาวุธ







