5โรงงานปราจีนฯจมน้ำ

"ประเสริฐ"เผยมีรง. 5 แห่งในปราจีนบุรีถูกน้ำท่วม สั่งอุตสาหกรรมจังหวัดเร่งให้ความช่วยเหลือ พร้อมตั้ง"วอร์รูม" ติดตามทุกจังหวัดอย่างใกล้ชิด
สถานการณ์น้ำท่วมหนักในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะ 5 โรงงานขนาดเอสเอ็มอี ซึ่งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ถูกน้ำท่วมแล้ว
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ว่า จากการตรวจสอบตัวเลขล่าสุดของโรงงานที่ถูกน้ำท่วม พบว่ามีโรงงานขนาดเอสเอ็มอี 5 แห่ง ในจ.ปราจีนบุรี ถูกน้ำท่วม โดยอยู่ใน อ.ศรีมหาโพธิ 3 แห่ง และใน อ.กบินทร์บุรี 2 แห่ง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องเรือนไม้, ผลิตแพกเกจจิ้ง, หล่อเครื่องทองเหลือง และผลิตเชื้อเพลิงจากไม้อัด ซึ่งได้ให้อุตสาหกรรมจังหวัดติดตามใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือหลังน้ำท่วมต่อไป ส่วนโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม และเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ส่วนสวนอุตสาหกรรม 304 ที่อยู่ใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ขณะนี้ระดับน้ำในคลองข้างสวนอุตสาหกรรม ที่ติดกับโรงงานไดเซล ระดับน้ำได้ลดลงประมาณ 40 เซนติเมตร ถนนหน้าโรงงานเริ่มแห้งแล้ว และตัวโรงงานไดเซลเองก็อยู่สูงกว่าระดับน้ำมาก นอกจากนี้ยังได้นำเขื่อนกั้นน้ำเคลื่อนที่เร็วมาประจำที่สวนอุตสาหกรรม 304 แล้ว 1 กิโลเมตร เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น จึงมั่นใจว่าสวนอุตสาหกรรม 304 จะไม่ถูกน้ำท่วมอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ได้สั่งการให้ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดทีมติดตามเฝ้าระวังการขึ้นลงของน้ำอย่างใกล้ชิด และรายงานความคืบหน้าของระดับน้ำทุกๆ 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ล่อแหลมทั่วประเทศ และเตรียมเขื่อนเคลื่อนที่เร็วให้พร้อมในการเคลื่อนที่ไปยังนิคมฯ และเขตประกอบการอุตสาหกรรมที่มีปัญหาในทันที ภายใน 1-2 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันให้อุตสาหกรรมจังหวัดจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ กระสอบทรายให้พร้อมในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือกับโรงงานนอกนิคมฯ นอกจากนี้ ได้สั่งให้ตั้งศูนย์บัญชาการและเฝ้าระวังน้ำท่วมที่กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
กนอ.จับตาระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ
ด้านนายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้จับตาระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และท่าจีน อย่างใกล้ชิด และติดตามการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักฯ หากระดับน้ำเพิ่มขึ้นถึง 3,500 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที ก็จะเข้าสู่ระดับเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่ในขณะนี้ระดับน้ำอยู่ที่ 2,600 ลบ.ม.ต่อวินาที ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
ขณะที่นายพูลศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด กล่าวว่า ทุกโรงงานในสวนอุตสาหกรรม 304 ไม่มีน้ำท่วมแต่อย่างใด เนื่องจากทุกโรงงานอยู่ในพื้นที่สูง ดังนั้นจึงสามารถเดินเครื่องและดำเนินการผลิตได้ตามปกติมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม แม้สวนอุตสาหกรรม 304 จะมั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมพื้นที่โรงงาน เนื่องจากพื้นที่โรงงานอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยถึง 20 เมตร แต่ก็ได้เตรียมความพร้อมโดยมีรถแบคโฮสำรองไว้ 11 คัน และเตรียมปั๊มเคลื่อนที่ 20 ตัว กำลังการสูบน้ำรวมประมาณ 6,000 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง เพื่อรับมือหากเกิดเหตุไม่คาดคิด และมีทีมงานเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
เร่งพร่องน้ำเขื่อนป่าสักรับมือ"หวู่ติ๊บ"
ด้านศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสัก วันที่ 30 ก.ย.2556 ว่า ยังคงมีฝนตกบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอิทธิพลร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เป็นเหตุให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณน้ำ 839 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 107 ของความจุเก็บกัก (785 ล้านลบ.ม.) แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังพายุโซนร้อน "หวู่ติ๊บ (Wutip)" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนที่กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ที่คาดว่าจะเข้าฝั่งเวียดนามตอนบนในวันที่ 1 ต.ค. ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
ด้วยเหตุดังกล่าว กรมชลประทาน จำเป็นต้องเพิ่มการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้เกิดผลกระทบด้านท้ายน้ำในทันทีทันใด ในเกณฑ์ประมาณ 350-400 ลบ.ม.ต่อวินาที ปัจจุบันได้พร่องน้ำอยู่ในเกณฑ์ 350 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ประมาณ 600 ลบ.ม.ต่อวินาที
ลักษณะดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพิ่มขึ้นจากวันที่ 29 ก.ย.อีกประมาณ 65 เซนติเมตร ในท้องที่ จ.สระบุรี ส่วนด้านท้ายเขื่อนพระรามหก ในเขต อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.90-1.10 เมตร จากระดับน้ำปัจจุบัน
ดังนั้น สำนักชลประทานที่ 10 จึงได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเขตจ.สระบุรี และจ.พระนครศรีอยุธยา ให้แจ้งเตือนประชาชน ที่อาศัยอยู่พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำ ขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง และให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ทีมกรุ๊ปชี้"หวู่ติ๊บ"ทำฝนตกท้ายเขื่อน
นายชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ ทีมกรุ๊ป เปิดเผย คาดว่าพายุหวู่ติ๊บจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยที่ จ.มุกดาหาร วันที่ 1 ต.ค. โดยจะเข้ามาสลายตัวที่ จ.เพชรบูรณ์ ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ถึง 4 ต.ค. อีกทั้งเป็นฝนที่ตกท้ายเขื่อน ที่ทำให้การจัดการน้ำทำได้ลำบาก
สำหรับผลจากการคาดการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยใช้แบบจำลองของทีมกรุ๊ปพบว่า ถ้าฝนตกต่อเนื่อง 2 วัน ในระดับ 100 มิลลิเมตร(มม.) ซึ่งเป็นไปได้สูงนั้น จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งน้ำเข้าท่วมพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ และล้นคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีระดับต่ำเป็นช่วงๆ ในเขต อ.เมือง อ.อินทร์บุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ส่งผลให้เกิดน้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ริมแม่น้ำลพบุรีและลำคลองที่เชื่อมต่อ ตั้งแต่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี อ.บ้านแพรก อ.มหาราช และ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
ส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วมในเขต จ.นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร(กทม.) จะเริ่มได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่สูงขึ้นในสัปดาห์หน้าด้วยเช่นกัน ทั้งนี้สถานการณ์น้ำที่แย่ลงจะผ่านไปได้ ถ้าเร่งระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดประตูระบายน้ำให้น้ำได้ไหลเข้าทุ่ง
นายกฯสั่งระบายน้ำช่วยศรีสะเกษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะได้ไปตรวจเยี่ยมดูปัญหาน้ำท่วมที่ จ.ศรีสะเกษ โดยไปที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย 2,000 คน ซึ่ง จ.ศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบ 160 ตำบล 1,552 หมู่บ้าน ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ต้องระบายน้ำโดยเร็วที่สุด โดยมอบให้กรมชลประทานร่วมกับ กบอ.ประสานงานกับจังหวัด หาแนวทางการระบายน้ำ ส่วนถนนหรือเส้นทางต่าง ๆ ที่เสียหาย มอบให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดูแล
วันเดียวกันนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับฟังรายงานปัญหาน้ำท่วม โดยได้ฝากกรมชลประทานหาทางป้องกันน้ำท่วม ส่วนการช่วยเหลือประชาชน มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ของรัฐ ซึ่งสามารถลงทะเบียนขอรับการช่วยเหลือได้
"นครพนม"ฝนเริ่มตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากประกาศเตือนจะมีฝนตกหนักที่ จ.นครพนม ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ ได้เริ่มมีฝนตกลงมา ในพื้นที่นครพนม โดยทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานไปยังทุกอำเภอ รวมถึงองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวังรับมือฝนตกหนักที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เช่นเดียวกับเทศบาลเมืองนครพนม ยังคงติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดเสี่ยงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ไว้สูบน้ำลงสู่น้ำโขงหากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ที่
ปภ.ชี้น้ำยังท่วม25จว.สังเวย22ศพ
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 25 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 22 ราย
ด้านนายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยรายงานการเกิดอุทกภัย ประจำวันที่ 30 ก.ย. ว่า สภาวะน้ำท่วมส่งผลถนนถูกน้ำท่วมในพื้นที่ 9 จังหวัด จำนวน 23 สายทาง โดยผ่านได้ 21 แห่ง ผ่านไม่ได้ 2 แห่ง
จีนสูญหาย74คน-เวียดนามสั่งอพยพ
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า มีผู้สูญหาย 74 คน หลังเรือประมง 3 ลำ อับปางเพราะคลื่นลมแปรปรวนจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บ ในทะเลจีนใต้ เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เรือประมงทั้ง 3 ลำ ที่มีลูกเรือรวมกัน 88 คน จมหายไปขณะพยายามจะกลับเข้าฝั่งใกล้กับหมู่เกาะพาราเซล ที่ห่างจากชายฝั่งทางใต้ของจีนประมาณ 330 กิโลเมตร ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน สั่งให้ใช้ความพยายามทุกวิถีทาง ค้นหาผู้สูญหายและให้เกิดการสูญเสียชีวิตน้อยที่สุด แต่รายงานของสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า ความพยายามต้องเผชิญกับอุปสรรคจากลมแรงและคลื่นสูง
เรือประมงที่อับปาง มาจากมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางการได้ประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น ในระดับสีส้ม ซึ่งรุนแรงสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 จากทั้งหมด 4 ระดับ และคาดว่า พายุหวู่ติ๊บ จะพัดกระหน่ำมณฑลกวางตุ้ง ไห่หนาน และกวางสี
ด้านเวียดนาม ได้อพยพประชาชนแล้ว 7 หมื่นคน ออกจากพื้นที่มีความเสี่ยงสูง
ขณะที่กัมพูชา นายกรัฐมนตรีฮุน เซน มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ตลอดจนอิทธิพลของไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บ และเตรียมพร้อมอพยพประชาชน หลังมีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้วอย่างน้อย 23 คน พื้นที่ปลูกข้าวกว่า 2 แสนไร่ จมอยู่ใต้น้ำ







