ป๊อก เชลซี 'ตัดแต่ง' สุขด้วยศรัทธา

ด้วยแรงศรัทธาแรงกล้า ศุภกิจ เมฆอำนวยชัย หรือ ป๊อก เชลซี จากแฮร์สไตลิสต์มืออาชีพ กลายเป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติธรรมและเผยแผ่ศาสนาทั้งพุทธและฮินดู
ด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้า ศุภกิจ เมฆอำนวยชัย หรือ ป๊อก เชลซี จากแฮร์สไตลิสต์มืออาชีพ กลายเป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติธรรมและเผยแผ่ศาสนาทั้งพุทธและฮินดูได้อย่างจัดเจนไม่แพ้ตอนตัดแต่งทรงผม
ชื่อของ ป๊อก เชลซี คงคุ้นหูคุ้นตาคนดังในวงการบันเทิงตลอดจนแวดวงไฮโซมานานแสนนานในฐานะช่างทำผมมือต้นๆ ของเมืองไทยตั้งแต่หลายปีก่อน จวบจนทุกวันนี้ชื่อของเขาก็ยังคงการันตีได้ถึงฝีมือบรรเลงกรรไกรชั้นเซียน ซึ่งแม้แต่อดีตเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อังกฤษ เขาก็เคยเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลท่านมาแล้ว
อีกมุมหนึ่งแฮร์สไตลิสต์ชื่อดังเลือกที่จะวางกรรไกร ปล่อยไดร์เป่าผม แล้วประนมมือด้วยศรัทธาทั้งในพระพุทธศาสนาและศาสนาฮินดู ทั้งหลักคำสอนและทวยเทพ คือสิ่งที่เขาเคารพนับถือกระทั่งทุกวันนี้ ช่างผมแนวหน้าคนนี้กล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มใจว่า กำลังรับใช้ศาสนา ด้วยวัตรปฏิบัติ ศรัทธาและการถ่ายทอดด้วยวิถีทางต่างๆ อย่างการเขียนหนังสือ
แต่ก่อนที่เขาจะเดินทางมาได้ไกลถึงเพียงนี้ ทั้งหน้าที่การงานซึ่งถือว่าติดลมบนไปแล้วในวงการช่างทำผม และบทบาทของผู้รับใช้ศาสนา อดีตนักเรียนดีไซเนอร์จากเมืองผู้ดีไม่ได้มีชีวิตที่ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทว่าเขาเลือกเส้นทางที่จะโรยกลีบกุหลาบด้วยตัวเอง...
กายใจ : ทำไมต้อง 'ป๊อก เชลซี'
ความหมายของเชลซีในพจนานุกรมอังกฤษ หรือที่คนอังกฤษรู้กันก็คือ Artist, Sport car และแหล่งกำเนิดดารานักแสดงทั้งหลายในดินแดนนี้ รวมทั้งดีไซเนอร์ด้วย ความหมายของผมคือ Luxury และ Artist ไม่ใช่ชื่อเมืองหรือชื่อทีมฟุตบอล
ผมเคยอยู่ย่านเชลซีและทำงานแถวฟูแล่มมาก่อน ชอบสถานที่นี้มาก เพราะคิงส์โร้ดก็คือสยามเซ็นเตอร์บ้านเราในปัจจุบัน แต่ว่าเป็นจุดก่อกำเนิดพวกพั้งก์ทั้งหลาย นักดนตรีอย่างบอยจอร์จก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และศิลปินหลากหลายคนก็กำเนิดที่เชลซีทั้งหมด คือ ดินแดนของ Artist
กายใจ : ไม่ได้ตั้งใจเรียนด้านตัดผม แต่เรียนด้านดีไซน์ที่อังกฤษ
ไปอังกฤษตั้งแต่อายุน้อยมาก ประมาณ 13-14 ปีเอง ในอดีต การไปอังกฤษค่อนข้างยากลำบาก เพราะต้องไปต่อเรือบินที่อินเดีย ใช้เวลาประมาณ 15 ชั่วโมง และไม่มีเครดิตการ์ดให้รูด ตอนไปพ่อแม่อยากให้ไปเรียนธุรกิจ แต่ด้วยว่าพอไปเรียนภาษาอังกฤษแล้วบังเอิญได้ทุนจากอ็อกซ์ฟอร์ด จากการเขียนบทความเกี่ยวกับเช็คสเปียร์ไม่ได้เป็นคนเขียนโรมิโอกับจูเลียต แต่คือคนรักของเขาที่เขียน เช็คสเปียร์เป็นเกย์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนอ็อกซ์ฟอร์ดเพราะว่าแพง ถึงเราได้ทุนแต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ
และช่วงนั้นเราต้องทำงานด้วย เพราะเงินที่ส่งมาจากบ้านกว่าจะถึงมือก็นาน 7-8 เดือน มันยากลำบากก็เลยไม่เอาดีกว่า จึงเลือกเรียนที่เรดดิ้ง และหลังจากนั้นก็เข้าลอนดอนไปเรียนดีไซน์ เพราะเพื่อนๆ คนไทยเป็นดีไซเนอร์กันหมด เราก็เลยอยากเป็นด้วย โดยเฉพาะพี่ไข่ (สมชาย แก้วทอง เจ้าของห้องเสื้อ Kai) ที่เห็นตั้งแต่อดีต เราปลื้มมากและถือเป็นแรงบันดาลใจ ในยุคนั้น Artist ต้องอยากเป็นดีไซเนอร์ ก็เลยไปเรียนที่ลอนดอน จบแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง แต่จบมายังไม่มีงานทำ เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันก็ถามว่าทำไมไม่ไปเรียนช่างทำผม คนเรียนช่างทำผมในลอนดอนเยอะมาก
กายใจ : อยู่ที่อังกฤษกี่ปี
15 ปี ไปๆ มาๆ ทำงานทั้งที่ปารีสและลอนดอนด้วย หลังจากจบก็มีคนมาขอดูตัว ขอไปเป็นลูกมือ คือการเป็นช่างทำผมในลอนดอนหรือในยุโรป ไม่มีทางมาเปิดร้านเองหรือตัดผมได้เลย นอกจากเป็นโอเปอเรเตอร์ (operator) อย่างน้อยๆ 4 ปี เป็นจูเนียร์ 2 ปี แล้วขึ้นเป็นช่างตัดคือปีที่ 5-6 แล้วถึงจะขึ้นตัดได้
ผมไปอยู่ร้าน Head Hunter ซึ่งเป็นร้านพระเกศาของเจ้าหญิงไดอาน่า ช่วงนั้นยังไม่รู้จักท่านเลย ผมเป็นลูกมือคอยส่งเครื่องมือให้สตีเฟ่นเพื่อทำสี ในสมัยก่อนท่านทรงไฮไลต์ประมาณสามเฉดสี ท่านเสด็จมาง่ายๆ โดยรถออสตินเล็กๆ แต่งตัวเรียบๆ สบายๆ ดื่มชาไม่ใส่น้ำตาล ผมก็ทำหน้าที่จัดเครื่องดื่มถวายท่านด้วย
กายใจ : ดำเนินชีวิตอย่างไรที่อังกฤษ
ผมชอบอยู่คนเดียว แต่ไม่ใช่มีโลกส่วนตัวสูง ผมมีเพื่อนเยอะ แต่ไม่ชอบอยู่ร่วมกับใคร ไม่ชอบนอนร่วมกับใคร เพราะเป็นคนที่ทำอะไรเร็ว นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ส่วนหนึ่งเเพราะพึ่งตัวเองตั้งแต่เด็ก เมื่อมาเมืองนอกก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง แต่ตอนนั้นก็มีเพื่อนคนไทยอยู่หนึ่งคน เราอยู่บ้านไม่ไกลกันเท่าไร แต่ไม่พยายามพบกัน เพราะถ้าพบกันจะไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ ช่วงนั้นก็เลยมีเพื่อนที่มาจากมาเลเซีย แต่มีเจ้านายเป็นแขก ในช่วงกลางวันเราจะหางานทำไปเรื่อยๆ เพราะเขาอนุญาตให้นักเรียนทำ ผมก็ไปเป็นเลขานุการ จัดการเอกสาร พิมพ์ดีด เจ้านายของผมเป็นฮินดูที่รักผมมาก นี่คือรากฐานที่เราเข้าไปในศาสนาฮินดู พร้อมกับวิชาที่เรียนมา
กายใจ : สนใจฮินดูมาตั้งแต่ตอนนั้น
ขออธิบายอย่างหนึ่ง พระมหากษัตริย์ของลังกา เดิมทีเป็นฮินดูมาก่อน แล้วมาศรัทธาในพระพุทธศาสนาภายหลัง ก็เลยกลายเป็นรวมกันโดยปริยาย และแพร่หลายมาสู่ดินแดนเราด้วย เพราะเราก็มีรากฐานมาจากอินเดียมาก่อน อีกทั้งคนไทยเป็นพุทธศาสนามหายาน คือการไหว้เทพและไหว้พระพุทธร่วมกันมานานแล้ว และผมเป็นคนสุพรรณ ซึ่งมีพื้นฐานของพุทธศาสนาที่เราเรียกว่า สว่างมูรติ ก็จะมีเทพอยู่ด้วย ก็อยู่ในสายเลือดของเรา ตระกูลของคุณพ่อเป็นจีน ก็ไหว้เจ้าเข้าไปอีก ทางฝ่ายคุณตาคุณยายก็น่าจะเป็นแขกสายพราหมณ์ด้วย
กายใจ : ความสำเร็จในชีวิตเป็นเพราะนับถือเทพเจ้า
บอกตรงๆ ว่าการเป็นพุทธศาสนิกชนต้องยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ผมยึดหลักเรื่อยมา คือ "อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ตั้งแต่เล็กจนโตก็ยึดถือคำนี้มาโดยตลอด แม้กระทั่งเวลาที่ไม่มีเงินเรียนหนังสือ ไม่มีเงินกินข้าว นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว จะนึกถึงคำนี้อยู่เสมอ
หลักธรรมคำสอนนี้เป็นสิ่งที่คุณตาสอนมาตลอด ทุกวันนี้ก็ยังใช้ได้ผลอยู่ เพราะเราไม่จำเป็นต้องไปพึ่งเพื่อน พึ่งยาเสพติด หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่หลอกลวงทั้งนั้น เวลาป่วยไข้ไม่สบายก็ต้องพึ่งตัวเราเอง อย่าหวังพึ่งคนอื่น ที่แน่ ๆ เราสามารถช่วยคนอื่นได้ด้วยการเป็นที่พึ่งให้เขา โดยการให้คำแนะนำ เพราะมนุษย์อยู่ร่วมกันต้องรู้จักมีการเผื่อแผ่กัน เหมือนวงการเสริมสวยบ้านเราที่แต่ละร้านต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน เปิดใจให้กว้าง แล้วรวมตัวกันเพื่อมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นมาร่วมกันสร้างงานในธุรกิจเสริมสวยบ้านเรา ให้เติบโตไปไกลกว่านี้
ฉะนั้น ผมไม่เคยเอาใครมาเป็นที่พึ่ง ไม่เคยเอาพระภิกษุมาเป็นที่พึ่ง นอกจากพระพุทธรูปและพระเกจิที่กราบไหว้แล้ว หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เอาหลักปรัชญาง่ายๆ อย่างมงคล 38 ประการที่ผมใช้ในปัจจุบัน บางอย่างคนรุ่นใหม่ลืมเลือนไปแล้ว คือการคบบัณฑิตเป็นเพื่อนสำคัญที่สุด ชีวิตเราจะดีได้คือคบคนดี และสิ่งนี้จะนำพาให้ประสบความสำเร็จ เพราะเพื่อนคือคนชักนำผมเข้าสู่วงการ
กายใจ : อยากถ่ายทอดเรื่องราวให้คนทั่วไปได้รู้
ผมชอบศรีลังกามาก เพิ่งเดินทางกลับมา เขายังอยู่กับอดีต มีโรงเรียนพระพุทธศาสนา ทุกคนต้องจบจากโรงเรียนพุทธศาสนา เด็กตัวเล็กๆ ประมาณ 3 ขวบสวดพระไตรปิฎกได้แล้วโดยไม่ต้องดูหนังสือ และที่ศรัทธามากคือ ได้ไปยืนถ่ายรูปกับพระพุทธรูปงามมาก ที่แอร์พอร์ต หันหลังถ่าย แต่คนศรีลังกาก็เข้ามาพูดกับเราดีๆ ว่า คุณถ่ายรูปแบบนี้ก็ดีนะ แต่จะดีกว่าถ้าไม่หันหลังให้พระพุทธรูป เพราะคนที่นี่ไม่หันหลังให้พระพุทธเจ้า นี่คือสิ่งที่ปลูกฝังในคนของเขา แม้กระทั่งแต่งตัวไปวัด ถ้าผู้หญิงสวมกระโปรงไม่ถึงเท้าจะเข้าไปไม่ได้ ถึงเข้าไปก็จะถูกมองจนต้องเดินหนี
ความสุขของผมคือการได้เรียนรู้ การเรียนรู้นี้จะถ่ายทอดแก่คนอื่นได้ในทางที่ถูกต้อง ปริญญาสำหรับผมหรือการเป็นด็อกเตอร์ไม่สำคัญเลย การมีปริญญาไปแขวนบนฝาบ้านแล้วเรายังพูดอะไรผิดๆ ให้ความรู้ผิดๆ หรือปลูกฝังสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับศาสนาหรือความเชื่อ ความงมงายให้กับคน อันนี้ไม่ควรจะเป็นด็อกเตอร์ด้วยซ้ำ ฉะนั้น การเป็นคนธรรมดาก็สอนธรรมะได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระภิกษุ ผมจะสอนธรรมะในลักษณะของตัวเอง ซึ่งเป็นธรรมชาติเเละเข้าใจง่ายให้คนคลายทุกข์ได้
การเรียนพระพุทธศาสนาสามารถเรียนได้จากฆราวาส เเละการเป็นฆราวาสก็มีศีลได้เช่นกัน คือศีล 8 บางวันผมกำหนดเลยว่าจะถือศีลอุโบสถ (ศีล 8) ซึ่งปัจจุบันอาจไม่ค่อยมีคนปฏิบัตินัก แต่ในอดีตคนไทยเป็นทั้งประเทศ เป็นเเบบนี้ คือนอนกระดาน ถือศีล 8 เชื่อกันว่าได้กุศลกว่าเอาเงินไปถวายเเละสร้างเจดีย์ใหญ่ด้วยซ้ำ
กายใจ : ความสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติใช่ไหม
พระพุทธเจ้าสอนเรื่องสมาธิ เราควรจะเข้าใจว่าท่านสอนเรื่องการหลุดพ้น ฉะนั้น การไปขอท่าน ขอเงินร้อยล้านคงเป็นไปไม่ได้ คือสอนเรื่องความสุขอย่างเดียว เรารู้ว่าความเสื่อมคืออะไร เเละความเสื่อมมันจะเป็นทั่วทุกตัวคน อย่างผมเองที่ทำงานด้านความสวยงาม มันก็เป็นกิเลสตันหาเยอะอย่างหนึ่งอยู่เเล้ว เราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยง เเต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเรามองกิเลสตันหา เเล้วก็มองความเสื่อม อย่างในอดีตอาจจะเห็นดารา นักร้อง นักเเสดงหลายๆ คน ซึ่งโด่งดังเเล้ววันนั้น ก็มีวันเสื่อม เราเห็นมาก่อนในอดีตเขารุ่งเรืองเหลือเกิน มีรองเท้าเป็นร้อยๆ พันๆ คู่ มีเงินจากถ่ายหนังเรื่องหนึ่งเป็นสิบล้าน เเต่ปัจจุบัน เขาไปอยู่ตรงไหนเเล้ว นั่นเเหละคือความเสื่อม
ทำไมมนุษย์เราไม่คิดถึงตรงนี้ว่า ทุกคนเหมือนกัน ฉะนั้น จะรวย จะจน จะหาเงิน หรือทำอะไรไปมากเเค่ไหน มันต้องรู้จักคำว่า "พอ" เมื่อมีความพอดี มันก็มีความสุข ซึ่งเป็นหลักการง่ายๆ ที่พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงประทานให้กับคนไทยก็คือเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง คือความถูกต้อง เเต่คนอาจจะตีความผิด ง่ายๆ ก็คือว่า มีเท่านี้ใช้เท่านี้พอเเล้ว หรือมีเลี้ยงตัวไปจนตาย เเล้วก็เก็บไว้ทำบุญ หรือทิ้งทรัพย์สมบัติให้เป็นสาธารณกุศลนั้นก็สมบูรณ์เเล้ว
กายใจ : เคยไปอินเดียเพื่อไปหาข้อมูลมาเขียนหนังสือ
ผมเขียนหนังสือออกมาเรื่อยๆ ปัจจุบันเขียนในขวัญเรือนเป็นปีที่10 เเล้ว เขียนหลากหลายเรื่อง เเม้กระทั่งท่องเที่ยว ความงามเเละศาสตร์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับความงาม ศาสตร์เกี่ยวกับความงามมาจากสายของเทพเทวะทั้งสิ้น ตอนนี้กำลังเขียนเรื่องอายุรเวท ให้คนไทยได้เข้าใจว่าคืออะไร เเล้วก็ศาสตร์เกี่ยวกับมันตราต่างๆ เกี่ยวกับการไหว้เทพต่างๆ ในฮินดู
ในการเดินทางนั้นประทับใจมากที่สุดก็คืออินเดียใต้ เพราะให้ความรู้สึกถึงพลัง คือถ้าเรานั่งสมาธิไปเรื่อยๆ จะรู้ว่าการทรงเจ้าเข้าผีเป็นเรื่องธรรมดาในอินเดียใต้ เเต่เขาก็ไม่ทรงพร่ำเพรื่อ การทรงของเขาก็คือกินมังสวิรัติ เเละก็ทำเพื่อเทพเจ้า เเต่ตัวพราหมณ์จะไม่ทรง ที่นี้เราจะเขียนว่าการทรงคืออะไร การทรงก็คือการสัมผัส เพราะมนุษย์คือจุดเล็กในจักรวาล จักรวาลนั้นมีเทพอาศัยอยู่และส่วนหนึ่งในจักรวาลจะมีทุกศาสนาอยู่
ในวิชาปรัชญาที่เคยเรียนทำให้เข้าใจทุกศาสนาดีทั้งหมด เเล้วเราจะเข้าไปตรงนั้น ไปว่าตรงไหนของเขาดี ทุกศาสนางดงาม เเละพระพุทธศาสนาก็ดีเหมือนกัน ศาสนาของฮินดูก็ดี เเต่เขาดีในลักษณะของวิทยาศาสตร์เเละเรื่องของเทพ หรือเทวนพเคราะห์ ฉะนั้น การเซ่นสรวงบูชาหรือการไหว้วัตถุมงคลต่างๆ ย่อมมีจริง เพราะมันสะท้อนให้เห็นชีวิตคน เเละเทวนพเคราะห์ก็น่าจะสะท้อนเห็นชีวิตมนุษย์เช่นกัน
พระพุทธศาสนาสอนเรื่องหลุดพ้น ฉะนั้น เราก็ปฏิบัติทางด้านพุทธศาสนาให้หลุดพ้นเเล้วสร้างกุศลในตรงนั้น เเต่ไหว้เทพเพื่อว่าให้ชีวิตดำเนินไปด้วยดี เเละเมื่อถึงเวลาของความเสื่อมหรือการจากไป การใช้ปัญญาในการที่จะละสังขารได้โดยง่าย นี่คือจุดสำคัญของพระพุทธศาสนาให้ไปได้โดยง่าย เพราะถึงอย่างไร การเวียนว่ายตายเกิดย่อมมีอยู่เเล้ว เราต้องเรียนรู้ ปรัชญาของพระพุทธเจ้าลึกล้ำมากเเละน่าสนใจ จริงๆ เเล้วเรียนง่าย ไม่จำเป็นจะต้องไปวัดเลย เรียนจากโรงเรียนก็ได้ เรียนจากหนังสือก็ได้
ขอเพียงให้คนเข้าใจว่าทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้ เเละเรารักกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้โดยที่ไม่ต้องเเบ่งเเยก







