ศาสตร์และศิลป์แห่งการปลูกผม (Advertorial)

ศาสตร์และศิลป์แห่งการปลูกผม (Advertorial)

“การปลูกผมมีอะไรซับซ้อนมากกว่าเพียงแค่การเอารากผมไปใส่”

ปัญหา “เส้นผม” ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่สำหรับคนจำนวนมากยังหมายถึงปัญหาบุคลิกภาพด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่คนจำนวนไม่น้อยพยายามหาวิธีแก้ไขเมื่อภาวะผมร่วง ผมบาง เริ่มขยายวงกว้าง ด้วยกลไกธรรมชาติของเส้นผมที่มีความซับซ้อน ความพยายามทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้นในบริเวณที่ผมหายไปแล้ว หรือ “การปลูกผม” จึงต้องอยู่บนพื้นฐานความรู้ที่ถูกต้อง แถมเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องบุคลิกภาพ คำตอบจึงไม่จบลงแค่หาวิธีทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้น แต่ยังต้องคิดถึง “ความลงตัวที่จะส่งผลต่อรูปหน้าและบุคลิกภาพโดยรวม

นายแพทย์ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล ศัลยแพทย์ปลูกผม Million Hairtransplant center ให้ข้อคิดว่า สิ่งที่ต้องเข้าใจให้ถูกต้องคือ การปลูกผมไม่ใช่การเพิ่มจำนวนเส้นผมทั้งหมดในหนังศีรษะของเรา แต่เป็นการทำศัลยกรรมนำรากผมที่มีอยู่มากระจายปลูกให้มีความหนาแน่นในระดับที่เพียงพอที่จะทำให้ดูดีขึ้น

เรื่องไม่ง่ายของการปลูกผม

การที่ภาวะผมร่วงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นก่อนทำศัลยกรรมปลูกผม แพทย์จึงต้องหาสาเหตุของอาการผมร่วงในคนไข้แต่ละราย เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด เนื่องจากมีในบางกรณีที่ไม่จำเป็นต้องปลูกผม!!

“เราต้องสอบถามประวัติสุขภาพของคนไข้อย่างละเอียด เช่น มีโรคประจำตัวหรือไม่ เคยตรวจสุขภาพมาก่อนไหม ถ้าไม่เคยต้องไปตรวจสุขภาพก่อน หรือบางคนกำลังรักษาด้วยยาเคมี กรณีนี้ผมไม่ได้ร่วงถาวร เมื่อหยุดยาสักพักผมจะขึ้นใหม่ หรือบางคนมีโรคประจำตัวบางอย่าง ถ้ารักษาโรคนั้นได้อาการผมร่วงก็อาจดีขึ้น ขณะที่บางรายมีแผลเป็นจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ทำให้บริเวณนั้นไม่มีผม รวมถึงต้องถามประวัติด้านพันธุกรรมในครอบครัว คุณพ่อ พี่ชาย ฯลฯ มีอาการผมร่วง ผมบาง ด้วยหรือไม่..

..สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราพอคาดหมายสาเหตุการร่วงของเส้นผมได้ว่าเป็นแบบไหน แม้ไม่สามารถคัดกรองได้ 100% แต่ก็ช่วยให้คัดกรองได้บางส่วน”

ศาสตร์แห่งการปลูกผม

จากประสบการณ์ คุณหมอกล่าวว่า คนไข้ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มาปรึกษาเรื่องผมหายไปแล้ว รักษาด้วยยาก็ไม่หาย บางบริเวณผมร่วงจนเป็นผิวหนังเปล่าๆ ไม่มี รากผมแล้ว ดังนั้นทั้งกินยา ทายา ทำทรีตเมนต์อย่างไร ผมก็ไม่ขึ้น คนที่เขากังวลเรื่องบุคลิกภาพก็จะพยายามทำให้บริเวณนั้นมีผมขึ้นมาใหม่ ในกรณีนี้เทคโนโลยีการแพทย์ที่ทำได้คือ การย้ายรากผมที่ยังแข็งแรงมาปลูกในบริเวณที่ไม่มีผม

เทคนิคนี้เรียกว่า “Follicular Unit Transplantation” เป็นการย้ายรากผมที่แข็งแรงของคนไข้เองมาปลูกในบริเวณที่ไม่มีเส้นผม นำกอรากผมมาปลูกทีละกอ ซึ่งเส้นผมที่ขึ้นใหม่จะเป็นเส้นผมธรรมชาติ

“การศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่แล้วรากผมที่แข็งแรงมักอยู่บริเวณด้านหลังศีรษะ ซึ่งแพทย์ก็ต้องประเมินก่อนว่าจะทำได้หรือไม่ โดยต้องดูว่าบริเวณที่มีปัญหานั้นเป็นพื้นที่ค่อนข้างใหญ่หรือไม่? รากผมที่เหลืออยู่มีความแข็งแรงเพียงพอและมีจำนวนมากพอที่จะย้ายมาปลูกหรือไม่? จึงไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้หมด”

เทคนิค “Follicular Unit Transplantation” ยังแบ่งได้เป็น 2 วิธี..

วิธีแรก เป็นการผ่าตัดบริเวณที่มีรากผมแข็งแรง นำชิ้นหนังศีรษะออกมาแล้วจึงค่อยมาแยกรากผม เรียกย่อๆ ว่าวิธี FUT

วิธีที่ 2 ใช้การเจาะ ไม่ต้องผ่าตัด โดยจะใช้เครื่องมือเจาะเก็บรากผมออกมาทีละราก เรียกย่อๆ ว่า FUE ซึ่งแม้ทั้ง 2 วิธีจะได้รับการยอมรับและใช้กันอยู่ทั่วโลก.. แต่ก็ไม่มีวิธีใดดีอย่างไร้ข้อติ

“ทั้ง 2 วิธีมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน การปลูกผมด้วยวิธีผ่าตัด (FUT) พัฒนามาก่อน เป็นวิธีมาตรฐานที่ทั่วโลกทำอยู่ ส่วนวิธีเจาะเอารากผม (FUE) ได้รับการพัฒนาในช่วงระยะหลังและได้รับความนิยมมากเช่นกัน เพราะหลายคนกลัวผ่าตัด เทคนิคการเจาะรากผมออกมาปลูกจึงตอบโจทย์นี้

..แต่ก็ใช่ว่ากลัวผ่าตัดแล้วจะเลี่ยงมาใช้วิธีเจาะรากผมได้ทุกคน ก็ไม่ใช่อย่างนั้นอีก ต้องดูข้อจำกัดของคนไข้เองด้วย เช่น ถ้าไม่มีผมเพราะมีแผลเป็น ปัญหาคือบริเวณแผลเป็นจะมีเส้นเลือดมาเลี้ยงน้อย โอกาสปลูกผมให้ขึ้นจึงมีน้อยมาก ก็ต้องใช้วิธีผ่าตัดเพื่อดึงหนังศีรษะส่วนที่มีผมให้มาชิดติดกัน..ส่วนคนที่เลือกวิธีเจาะรากผมก็ต้องทราบว่าในการเจาะย้ายรากผม จะต้องโกนผม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ชายจะยอมรับการโกนผมได้มากกว่าผู้หญิง”

พัฒนาสู่ “หุ่นยนต์ปลูกผม”

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ศัลยกรรมการปลูกผมพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ล่าสุดมีการสร้าง “หุ่นยนต์ปลูกผม”

“ในกรณีการเจาะรากผม (FUE) เครื่องมือที่ใช้เจาะรากผมมีหลายอย่าง แต่ที่ผ่านมายังต้องให้แพทย์ทำหน้าที่เจาะ ซึ่งพบว่า การเจาะโดยคนจะมีเปอร์เซ็นต์ของ Human Error ทำให้รากผมถูกตัดขาดค่อนข้างเยอะ เช่น คนไข้บางรายต้องทำปริมาณมากใช้เวลาทำนาน “กราฟ” (หมายถึง ส่วนที่ทำการเจาะ รากผมออกมา) แรกๆ ก็ได้รากผมสวย แต่กราฟหลังๆ คนเจาะเริ่มล้า โอกาสตัดรากผมขาดมีสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงมีการพัฒนาหุ่นยนต์มาช่วยทำหน้าที่ในการเจาะ”

หุ่นยนต์ที่ว่านี้คือ หุ่นยนต์ ARTAS พัฒนาขึ้นจากการทำงานร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ที่ประดิษฐ์

หุ่นยนต์ทางการแพทย์ และแพทย์ที่ทำศัลยกรรมการปลูกผมมาเป็นเวลานาน ช่วยกันประสานองค์ความรู้เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เจาะรากผมแทนมนุษย์ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยผ่อนแรงให้แพทย์ไม่ต้องล้ามาก ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เจาะรากผมได้เร็วขึ้น ทำจำนวนกราฟในการปลูกได้มากขึ้น หุ่นยนต์นี้ได้รับ การรับรองจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้ให้การรับรองเฉพาะการนำไปใช้เจาะรากผมผู้ชาย ส่วนการใช้กับการเจาะรากผมผู้หญิง อยู่ในขั้นตอนที่กำลังทดสอบ อย่างไรก็ตาม คุณหมอให้ข้อคิดว่าหุ่นยนต์ถูกนำมาช่วยในขั้นตอนการเจาะรากผมเท่านั้น จึงไม่อยากให้เล็งผลเลิศว่าถ้าใช้หุ่นยนต์แล้วการปลูกผมต้องได้ผลดี 100% เพราะความสำเร็จในการปลูกผมยังมีปัจจัยอีกมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง

รับมือกับความคาดหวัง

ความคาดหวังของคนที่ตัดสินใจปลูกผม เป็นแง่มุมที่ไม่อาจมองข้าม คุณหมอให้ความเห็นว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์ของศัลยกรรมความงามแบบหนึ่ง แต่ไม่เหมือนทำจมูก ทำหน้าอก ที่ทำแล้วเห็นผลเลย เพราะการปลูกผมต้องใช้เวลา อีกทั้งเป็นการนำรากผมของคนไข้เองมาใช้ ดังนั้นส่วนหนึ่งของผลสำเร็จจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของคนไข้เองด้วย

“การปลูกผมมีอะไรซับซ้อนมากกว่าเพียงแค่การเอารากผมไปใส่ นอกจากสุขภาพพื้นฐานของคนไข้แล้ว ทีมที่ทำศัลยกรรมปลูกผมก็ต้องมีความชำนาญสูง เพราะรากผมถ้านำออกมานานเกินไปมันก็มีโอกาสตาย กราฟช้ำก็มีโอกาสทำให้ผมที่ปลูกไม่ขึ้น แม้แต่การเจาะรากผม เจาะมากเกินไป เจาะน้อยไป ทำเร็ว ทำช้า เหล่านี้มีผลทั้งหมด รวมทั้งหลังการปลูกผมคนไข้ก็ต้องดูแลตัวเองอย่างดี”

เมื่อการปลูกผมก็คือแผลผ่าตัด หลังการปลูกผม คนไข้จึงต้องดูแลไม่ให้ติดเชื้อและผมไม่ร่วง อาทิ การใช้ยาป้องกันการติดเชื้อ การดูแลตัวเอง ไม่ออกไปอยู่ในที่ๆ มีฝุ่นละอองมาก ไม่เกา การสระผมอย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้ผมที่ปลูกไว้หลุดง่าย

“ผมที่ปลูกไปใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าปลูกปุ๊ปติดทันที ต้องใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์ ผมที่ปลูกจึงจะติดสนิทดี ดังนั้นถ้าช่วงแรกที่ทำไป ตัวกราฟเกิดหลุด เสียหาย โอกาสที่ผมบริเวณนั้นจะไม่ขึ้นก็มี แต่ถ้าดูแลตัวเองในช่วง 2 สัปดาห์แรกได้ดี โอกาสที่ผมจะขึ้นได้ค่อนข้างดีจะมีมาก ใช้เวลา 3-4 เดือน ผมใหม่จะเริ่มขึ้นมาเป็นเส้นผมธรรมชาติ”

ศิลปะแห่งการปลูกผม

การที่ “เส้นผม” ข้ามโซนไปอยู่ในโหมดบุคลิกภาพ ทำให้การปลูกผมไม่อาจคิดเพียงแค่หาวิธีทำให้ผมขึ้นได้ แต่ต้องคิดด้วยว่า ทำแล้วดูดีกว่าเดิม หรือแย่กว่าเดิม!

“การปลูกผมเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เราจึงต้องดูภาพรวมทั้งหมด ดูความสัมพันธ์ของจุดอ้างอิงบนใบหน้า ทำแล้วต้องสัมพันธ์กัน ดูไม่ผิดปกติ เช่น คนไข้บางคนพื้นที่ที่มีปัญหามโหฬารเลย แต่อยากปลูกน้อยๆ เราก็บอกว่าไม่ได้ ถ้าปลูกออกมาแล้วผมขึ้นหรอมแหรม จะดูไม่ดี..หรือบางคนต้องการให้วาดแนวผมใหม่ที่ไม่ใช่แนวผมตามธรรมชาติ อย่างนี้ปลูกผมแล้วเขาอาจ

ดูเป็นตัวตลก เราก็จะไม่ทำให้ แม้ทางเทคนิคจะทำได้ก็ตาม คือบางทีคนไข้นึกไม่ออกว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร อย่างกรณีที่เราทำ ก่อนทำเราจะวาดแนวผมให้คนไข้ดู ถ้าต้องการปรับ จะปรับได้แค่ไหน มีตัอย่างของกลุ่มสตรีข้ามเพศที่ต้องการเปลี่ยนแนวผมให้เป็นแบบผู้หญิง เพราะโดยธรรมชาติเขามีแนวผมแบบผู้ชาย หรือผู้หญิงบางคนมีหน้าผากกว้างเหมือนผู้ชาย ก็ต้องการทำให้ดูดีขึ้น”

หาข้อมูลก่อนตัดสินใจ

เมื่อการปลูกผมเป็นเรื่องซับซ้อน ผู้ต้องการปลูกผมจึงควรหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ ซึ่งการมีข้อมูลยังทำให้สามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น

“การปลูกผมเป็นเรื่องยากทั้งสำหรับคนทำและคนไข้ ผู้ที่เส้นผมมีปัญหาจึงควรหาความรู้ที่ถูกต้องจากแหล่งข้อมูลที่เป็นทางการ การอ่านจากฟอรั่มหรือเว็บไซต์ที่เขาคุยกันก็อาจได้ข้อมูลระดับหนึ่ง แต่นั่นยังไม่ใช่ความรู้แท้ๆ เป็นเพียงประสบการณ์ที่ดีและไม่ดีของแต่ละคนที่ไปทำมา..ผมแนะนำว่าควรหาความรู้ที่เป็นวิชาการด้านการปลูกผมจริงๆ เช่น ในเว็บไซต์ที่เป็นทางการเรื่องศัลยกรรมปลูกผม จะทำให้เข้าใจข้อดี ข้อเสีย ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จ การเตรียมตัว ฯลฯ เพราะถ้าไม่ศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องก็จะเข้าใจผิดๆ ถูกๆ เช่น บางคนไปกินฮอร์โมนชนิดหนึ่งโดยคิดว่าช่วยให้ผมขึ้น แต่ในทางการแพทย์ฮอร์โมนชนิดนี้กินแล้วทำให้ผมร่วง หรือบางคนกินยาลดความดันในปริมาณที่สูงมากๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์ อันตรายมาก” ที่สำคัญพอๆ กับการหาความรู้ที่ถูกต้อง คุณหมอย้ำว่าเราต้องไม่สร้างความคาดหวังที่เกินจริง

“ในการปลูกผม ไม่มีเครื่องมือตัวใดในโลกที่ดีที่สุด และไม่มีคลีนิคใดในโลกหรือหมอคนใดในโลกที่ปลูกผมแล้วสำเร็จ 100% คลีนิคที่บอกว่าทำสำเร็จ 100% ผมบอกเลยว่าไม่ใช่ คนไข้ต้องระวังตรงนี้ เพราะปัจจัยที่มีผลต่อการปลูกผมมันมีเยอะมาก เช่น บางคนเป็นภูมิต้านทานทำลายรากผมตัวเองโดยไม่เคยรู้มาก่อน แพทย์และคนไข้ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนว่ามันมีโอกาสเกิดอะไรขึ้นบ้าง การทำศัลยกรรมปลูกผมต้องคุยกันอย่างจริงใจบนพื้นฐานความรู้ที่ถูกต้อง ไม่สร้างคาดหวังที่เกินจริงครับ”

ตัวเลขมหัศจรรย์ของ “เส้นผม”

100,000-150,000 ราก คือจำนวนรากผมที่อยู่บนศีรษะของคนเรา เส้นผมจะก่อตัวขึ้นในรากผม (Hair Follicle) แล้วเติบโตเป็นวงจรต่อเนื่อง ใน 1 รากผม อาจมีเส้นผมตั้งแต่ 1-5 เส้น 1/4 ถึง1/2 นิ้วต่อเดือน คืออัตราการงอกปกติของเส้นผม 3 ช่วง คือวงจรการเติบโตของเส้นผม เริ่มจาก ช่วงการงอก (Anagen) รากผมจะสร้างเส้นผมงอกออกมา ช่วงนี้มีเวลาประมาณ 2-8 ปี ช่วงถดถอย (Catagen) รากผมจะเสื่อมลง ช่วงนี้ประมาณ 2-4 สัปดาห์ แล้วเข้าสู่ช่วงพัก (Telogen) รากผมจะหยุดพักราว 2-4 เดือน จากนั้นเริ่มสร้างเส้นผมรุ่นใหม่ เส้นผมใหม่จะผลักเส้นผมเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกไป คนที่หนังศีรษะสุขภาพดี ไม่มีปัจจัยทำให้ผมร่วง จะมีรากผมราว 10% ที่อยู่ในช่วงพัก (Telogen)

วงจรการเติบโตของเส้นผม ได้รับอิทธิพลจากพันธุกรรม โรค ยา และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลทำให้ผมร่วงมากกว่าปกติได้50-100 เส้น คืออัตราปกติที่เส้นผมร่วงต่อวัน

หุ่นยนต์ปลูกผม ARTAS

อาจถือได้ว่าเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกๆของโลกที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปลูกผม ถูกสร้างขึ้นโดยให้มีอุปกรณ์เพื่อทำหน้าที่เจาะรากผม อาทิ

• โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นเสมือน “สมอง” ทำหน้าที่อ่าน คิด วิเคราะห์ และทำงานในขั้นตอนเจาะย้ายรากผม สมองนี้จะได้รับการ Upgrade เพิ่มความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา จากการนำข้อมูลเกี่ยวกับรากผม ตำแหน่งของรากผม มาไว้ในหุ่นยนต์

• กล้อง ทำหน้าที่เหมือนตามนุษย์ ในการเจาะรากผมส่วนที่แข็งแรงมาใช้ แพทย์จะโกนผมบริเวณที่มีรากผมแข็งแรง โดยเหลือความ ยาวของเส้นผมไว้ประมาณ 1 มม. กล้องที่หุ่นยนต์จะจับตำแหน่งรากผม พร้อมคำนวณองศา แล้วทำการเจาะรากผม เมื่อเจาะแล้วจะใช้แรงดูดที่ไม่มากนักดึงรากผมให้ยกตัวขึ้นมานิดหน่อย จากนั้นแพทย์หรือผู้ช่วยจะเก็บรากผมไปทำงานในขั้นตอนต่อไป

• เข็ม เพื่อเจาะรากผม เข็มนี้ถูกจำกัดเรื่องความยาวและความลึกในการเจาะเพื่อให้ความปลอดภัย

• ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว เพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหว หากคนไข้ขยับตัว หุ่นยนต์จะพลิกแขนตาม แต่ถ้าคนไข้ขยับตัวมาก หุ่นยนต์จะหยุดการทำงาน

คำถามยอดฮิต

บุหรี่ แอลกอฮอล์ มีผลต่อการปลูกผมหรือไม่?

“คนที่สูบบุหรี่ โอกาสจะได้รับผลสำเร็จจากการทำศัลยกรรมทุกชนิดจะน้อยลง เพราะบุหรี่ทำให้เส้นเลือดหดตัว.. เมื่อปลูกผม รากผมที่ย้ายไปปลูกใหม่ยังไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันจึงจะสร้างเส้นเลือดขึ้นมา ถ้าคนไข้สูบบุหรี่ เส้นเลือดจะหดตัว รากผมจึงได้รับสารอาหาร น้ำ ออกซิเจนน้อยลง โอกาสที่รากผมจะตายจึงมีสูง แต่ถ้าหยุดสูบบุหรี่รากผมจะดีขึ้นมาก และเพื่อให้ได้ผลดี ก่อนปลูกผมก็ควรหยุดบุหรี่ด้วย เพราะบุหรี่มีผลอยู่นานพอสมควร..ส่วนแอลกอฮอล์ ทำให้เลือดออกง่าย มีการบวม ผ่าตัดยากขึ้น คนที่ดื่มแอลกอฮอล์มากหรือดื่มบ่อย ยังทำให้การทานยารักษาผมร่วงไม่ค่อยได้ผล เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ตับทำงานมากขึ้นเพื่อทำลายฤทธิ์แอลกอฮอล์ ขณะที่ยาป้องกันผมร่วงก็ต้องการใช้ตับในการเปลี่ยนให้ยาออกฤทธิ์ทำงานได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าตับวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้ไม่มีพิษ ประสิทธิภาพการเปลี่ยนยาให้ทำงานได้ก็จะลดลง”

ปลูกผมแล้วต้องกินยาต่อหรือไม่?

“เรื่องนี้ต้องแยก “การปลูกผม” กับ “การรักษาผมร่วง” เป็นคนละเรื่องกัน ปลูกผมคือศัลยกรรมความงาม แต่ผมร่วงเป็นภาวะของตัวคนไข้ ซึ่งการปลูกผมไม่ใช่การหยุดผมร่วง ตัวคนไข้เองก็ยังมีภาวะผมร่วงอยู่ ดังนั้นการรักษาภาวะผมร่วงก็ยังคงเป็นเรื่องการใช้ยา ซึ่งเราจะทำควบคู่ไป แต่การใช้ยาควรต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ทุกวันนี้ที่น่าห่วงคือการหายามาใช้เอง ปรับลด-เพิ่มขนาดยาเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ซึ่งอันตรายมาก”

การปลูกผม สามารถทำให้จบในครั้งเดียว หรือต้องทำหลายครั้ง?

“จำนวนครั้งในการปลูกผม ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม ถ้าพื้นที่ใหญ่ก็อาจต้องทำหลายครั้ง ถ้าพื้นที่เล็กทำครั้งเดียวก็จบได้ แต่ไม่ว่าจะทำกี่ครั้ง หลังปลูกผม คนไข้ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้องครับ”

นายแพทย์ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล

ศัลยแพทย์ปลูกผม Million Hairtransplant center