อาหารปีมะเส็ง กรีนไลฟ์ ชมพูว้าว

เทรนด์อาหารปีนี้ ฟู้ดสไตลิสต์ ขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ เผยว่า หลังจากลัลลากับปาร์ตี้ปีใหม่กันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงแล้ว ช่วงเวลาแห่งการกลับมาทบทวนตัวเอง แล้วกินเพื่อสุขภาพ Healthy Living ก็มาถึง

"มันสืบเนื่องมาจากเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เราเต็มที่กับชีวิตกันมาก และเป็นช่วงที่ร่างกายทำงานเยอะที่สุด ฉะนั้นหลังปีใหม่ก็คือเวลาที่เราต้องเคลียร์ตัวเอง จัดการชำระล้าง ค่อยๆชำระของเก่าออกไป"

ในฐานะกูรูนักตกแต่งอาหาร เขาเผยธีมสีอาหารเพื่อความจัดจ้านของปีนี้ คือ เขียว และ ชมพู สำหรับสื่อถึงสุขภาพและผิวพรรณที่ดี

"เราต้องกลับมาตระหนักถึงคำว่า You are what you eat อย่างจริงจัง กินอาหารเป็นยา เปลี่ยนคุณภาพชีวิตให้ดีด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ คือ ผักใบเขียว ปลา และสารพัดเมนูที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งการเลือกวัตถุดิบ เราต้องมองเรื่องผลลัพธ์ว่าให้คุณค่าด้านใดต่อร่างกายด้วย กินให้พอดี ซึ่งสติเป็นเรื่องใหญ่ ควรจัดสรรชีวิตใหม่ สร้างสมดุลให้ร่างกาย อาจจะเป็น 5 วันเต็มที่ ส่วนอีก 2 วันให้ท้องได้พักบ้าง หรือ กินหนัก 3 วันแล้ววันที่เหลือก็แบ่งกระเพาะอาหารมาชดเชยด้วยสลัดเบาๆบ้าง"

ในส่วนนี้ ไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้เขียนตำราอาหาร KRAISERM simple style ขยายความต่อว่า อาหารที่ดีและมีประโยชน์ ย่อมสร้างสมดุลให้กับชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และมีผลโดยตรงต่อการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นผักใบเขียวให้มากขึ้น

แม้แต่เครื่องปรุงต่างๆ ที่ใช้ในครัวเรือนก็ต้องเลือกเฟ้นสรรหาให้เหมาะสม สอดคล้องกับพฤติกรรมของแต่ละบุคคลด้วย โดยจะเน้นการสร้างความสมดุล โดยเลือกรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เน้นให้หลากหลาย ไม่ควรที่จะรับประทานอาหารอยู่เพียงประเภทเดียว หรืออย่างเดิมซ้ำๆกัน

"วิธีง่ายๆคือเลือกรับประทานอาหารมื้อเช้าที่มีประโยชน์ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับร่างกายมีสุขภาพที่ดีในทุกๆวันสร้างพฤติกรรมให้เป็นนิสัยความเคยชิน จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ส่วนตัวตามมา"

ส่วนการรับประทานพืชผักและผลไม้เป็นประจำ โดยเฉพาะอาหารจำพวกโฮลวีท ข้าวกล้อง ธัญพืช ก็หาได้ง่าย นอกจากนี้ควรเลือกบริโภคอาหารที่มีไขมันอย่างพอเหมาะ และเลือกชนิดที่ปรุงจากน้ำมันประเภทกรดไขมันไม่อิ่มตัว หรืออาหารที่ไม่มีคอเลสเตอรอลสูง รวมทั้งไม่ควรจะเค็มจัด หวานจัด และรสจัดจนเกินไป รวมทั้งการรับประทานปลามากขึ้น ได้ทั้งโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า3

สุดท้ายแล้ว หนึ่งในเครื่องมือที่จะป้องกันโรคได้และมั่นใจได้ว่าอาหารที่ดี คือการลงมือทำอาหารเอง เพราะย่อมเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี ปลอดภัยและปรุงรสได้ถูกปาก ถูกใจ เหมาะสมตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

สลัดแซลมอนรมควัน กับสตรอเบอรี่และเลมอนเดรสซิ่ง

ส่วนผสม
ปลาแซลมอนรมควัน180กรัม
สตรอเบอรี่150กรัม
ผักคอส80กรัม
ขนมปังขาว2แผ่น
เนย20กรัม
เลมอนเดรสซิ่ง
เลมอน1ลูก
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์3ช้อนโต๊ะ
เกลือตามชอบ
พริกไทยดำบดตามชอบ

วิธีทำ
เตรียมทำน้ำสลัดเลมอนเดรสซิ่ง โดยนำน้ำมันมะกอกใส่ลงในชาม ขูดผิวเลมอนและผ่าครึ่งบีบน้ำเลมอน ตามลงไป ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำบด คนส่วนผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้ จากนั้นเตรียมทำขนมปังแผ่นขาว ให้กรอบโดยนำกระทะตั้งไฟอ่อนแล้วนำขนมปังแผ่นขาวมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแบบลูกเต๋า พอกระทะเริ่มร้อนใส่เนยลงไป ตามด้วยขนมปังแผ่นขาว คนให้คลุกเข้ากับเนย จนมีสีเหลืองทองกรอบส่งกลิ่นหอม ตากขึ้นพักไว้ สำหรับสตรอเบอรี่สดนำมาตัดขั้วและหั่นเป็นชิ้นตามยาว ส่วนผักคอสตัดขั้วแล้วนำไปล้างน้ำสะอาด

วิธีเสิร์ฟโดยนำผักจัดใส่จาน ตกแต่งให้สวยงาม แล้วนำแซลมอนรมควันวางบนผักสลัด ตามด้วยโรยขนมปังกรอบใส่ลงไป แล้วรายด้วยน้ำสลัดเลมอนเดรสซิ่ง พร้อมเสิร์ฟทันที

สลัดลูกแพร์กับพาร์มาแฮมและเดรสซิ่งทับทิม

ส่วนผสม
ลูกแพร์แดงสด 1 ลูก
พาร์มาแฮม50กรัม
วิทลูฟชิคอรีขาวและแดงอย่างละ 1หัว
เมล็ดถั่วลันเตา30 กรัม
เมล็ดทับทิม20กรัม
เดรสซิ่งทับทิม
เมล็ดทับทิม200กรัม
น้ำมันมะกอก3ช้อนโต๊ะ
เลมอน1ลูก
เกลือตามชอบ
พริกไทยดำบดตามชอบ

วิธีทำ

เตรียมทำน้ำสลัดเดรสซิ่งทับทิม โดยนำเมล็ดทับทิม มาบดคั้นเอาแต่น้ำแยกส่วนเนื้อทิ้งไป จากนั้นใส่ลงในชามผสมกับน้ำมันมะกอก แล้วขูดผิวเลมอน พร้อมผ่าครึ่งบีบน้ำเลมอนลงไป ทำการปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำบด แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน ถ้ามีเวลาให้นำเดรสซิ่งไปแช่เย็น เก็บไว้สำหรับราดสลัด

เตรียมทำจานสลัด เริ่มจากนำลูกแพร์แดงล้างน้ำให้สะอาดและหั่นเป็นชิ้นตามยาว ส่วนวิทลูฟชิคอรีขาวและแดง แกะกลีบทีละใบพักไว้ ส่วนเมล็ดถั่วลันเตาให้นำไปลวกในน้ำเดือดจัดและแช่ในน้ำเย็น จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในชามตามด้วยพาร์มาแฮมและโรยหน้าตกแต่งด้วยเมล็ดทับทิมเป็นลำดับสุดท้าย พร้อมราดด้วยน้ำเดรสซิ่งทับทิมรสเย็นจัด เสิร์ฟทันที