'โจโฉ' อนุสรณ์ ตรีโสภา

'โจโฉ' นักร้อง นักดนตรีที่เคยเขย่าหัวใจวัยรุ่นมานับไม่ถ้วน บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า การสื่อสารกับวัยรุ่น แก้ปัญหาวัยรุ่นนั้นไม่ยาก ถ้าเราเอาตัวเอง หรือเอาใจของเราไปอยู่ในใจของเขา

โจโฉ อำลาวงการนี้ไปอย่างเงียบๆ หลายปีแล้ว เขาโผล่ขึ้นมาอีกทีก็จากเสียงธรรม ที่เขาปล่อยไปในทุกพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เขา ได้เป็นสะพานในการนำธรรมะไปมอบให้กับทุกคนอย่างให้เปล่า พร้อมทั้งการเป็นวิทยากรบรรยายธรรมะให้กับวัยรุ่นที่อยู่ในบ้านเมตตา เล่นดนตรีให้คนในคุกได้ฟังกัน พร้อมทั้งใส่ธรรมะที่กระตุกใจ ให้กลับมาใคร่ครวญชีวิตภายในอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะเป็นอิสรภาพ

ใกล้วันเด็กแล้ว และวันหนึ่งพวกเขาก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ลองเหลียวมองผู้ใหญ่ในวันนี้เป็นอย่างไร ก็มาจากความเป็นเด็กเมื่อวันก่อนว่าเด็กวันนั้น เขาได้รับอะไรไปบ้าง วันนี้เราอยากให้ผู้ใหญ่ในวันหน้าเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่ว่า วันนี้เราได้มอบอะไรให้แก่เขาบ้าง...

เหตุผลที่บอกว่าเด็กเสเพลกลับตัวกลับใจได้
ผมผ่านอะไรมาเยอะมาก เคยกินเหล้า ติดกัญชา สูบบุหรี่วันละสามซอง โคตรเลวมาแล้ว ใครจะเชื่อว่า ผมจะกลายมาเป็นคนบรรยายธรรมะ สอนธรรมะในวันนี้ เมื่อก่อน ผมเคยเป็นเด็กดีมาก เรียนเก่งมาก แล้วก็กลายเป็นเด็กที่ชั่วสุดโต่ง แต่สิ่งที่ทำให้ผมกลับมาได้เพราะความรักจากแม่ ที่ไม่คาดหวังอะไรจากผมเลย ผมเลิกบุหรี่ได้เพราะแม่ซื้อบุหรี่ให้ผมสูบ ทุกครั้งที่แม่ผมซื้อให้ บอกผมเสมอว่า ไม่ชอบเลยที่สูบบุหรี่ เพราะพ่อก็สูบบุหรี่ ผมเองเป็นนักดนตรีก็เลยสูบ วันหนึ่งบุหรี่หมดแล้ว แม่เดินไปซื้อให้ไกลมาก เพราะแม่ทนไม่ได้ที่เห็นผมหงุดหงิด อันนั้นเป็นชอตแรกที่ทำให้ผมเห็นว่า สงสารแม่ รักแม่ และอยากเลิกบุหรี่ให้ได้แล้ว

คือเด็กเวลามันพลาดไปแล้วต้องให้เวลามันด้วย ให้เวลามันแก้ไขนานๆ หน่อย บางคนอาจใช้เวลาเยอะ บางคนอาจใช้เวลาน้อยไม่เหมือนกัน สำหรับผม ความรักของแม่จะมาคอยกระตุ้นเตือนเราว่า ถ้าทำแบบนี้จะทำให้แม่เสียใจเราก็จะไม่ทำอีก

ทำอย่างไรให้วัยรุ่นคิดได้อย่างนี้บ้าง

คนทั่วไปคิดว่า ทำดียาก เพราะเคยชินกับการทำชั่ว คนเราที่คิดว่าธรรมะเป็นเรื่องยาก เพราะไปเอาศีลของพระมาสอนกัน ศีล 5 เป็นสิ่งดีมาก เราต้องรักษาทีละข้อก่อน พี่ดังตฤณสอนดีมากว่า ข้อไหนทำได้ ทำข้อนั้นให้แม่น เหมือนมีฐานบุญแล้ว พอทำไม่ดีอะไรจะมีศีลมาเตือน ผมไปบรรยายที่ไหน ผมจะสอนเรื่องศีล โดยไม่พูดเรื่องศีลเลย อันดับแรกของการสอนคือ เราต้องแยกหลักการออกไปจากการปฏิบัติ

วิธีการสอนคุณธรรมกับเด็ก มันเป็นการใช้กุศโลบาย วัยรุ่น เด็กทั่วไปไม่อยากเป็นคนดี แต่เขาอยากเด่น เด็กแว้น หรืออะไรก็ตาม เขาต้องการเป็นจุดเด่น เพราะฮอร์โมนเพศกำลังทำงาน ต้องหาคู่ ถ้าเด่นด้านดีไม่ได้ เขาก็เด่นในด้านร้าย เราต้องมาวิเคราะห์ว่า เด็กต้องการอะไร ความสวยงาม ความเด่น เราก็ดึงตรงนี้มาแนะเขา เราบอกเขาว่า ทำอย่างนี้จะได้อย่างไร ทุกการกระทำของคุณ มันส่งให้ผิวพรรณของคุณเป็นอย่างไร ทำไมผิวบางคนจึงสวยเพราะสารเคมีบางตัวเกิดขึ้นจากความรัก ความผูกพัน การกอดคุณแม่ทุกวัน ทำให้ผิวสวยได้จริงๆ อย่างไร ก็ต้องอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ให้เขาฟัง

แค่การก้มกราบ การนอบน้อมทำให้ผิวดีอย่างไร ถ้าเราดึงจุดนี้ขึ้นมาก็ง่ายขึ้นที่จะให้วัยรุ่นทำความดี เหมือนตอนที่พระพุทธเจ้าสอนพระอนุชาของท่าน ตอนที่อยากจะสึกไปแต่งงาน พระพุทธเจ้าก็บอกกับพระอนุชาว่า ถ้าเธอปฏิบัติตามฉันจะได้เจ้าสาวสวยกว่านี้ พอปฏิบัติตามปุ๊ปถึงจุดหนึ่ง พระพุทธองค์ก็เนรมิตให้เห็นสัจธรรม จากความสวยของหญิงสาวก็แก่ เหี่ยว และตายไปในที่สุด พระอนุชาของท่านก็ไม่เอาแล้ว

เช่นกัน ถ้าเราอยากให้วัยรุ่นเขาอยากมีแฟนหล่อ แฟนสวย อยากดูดี อยากผิวสวย เราก็ไปบอกเขาว่า ถ้าเธอไม่ฆ่าสัตว์ เธอจะมีพลังงานที่ดีอย่างไร คนที่ฆ่าสัตว์จะมีกระแสพลังงานไม่ดีออกมาทำให้คนหมั่นไส้ สังเกตไหม เราเห็นหน้าบางคนรู้สึกขยะแขยง รู้สึกรังเกียจมาก รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากช่วยเหลือ นั่นคือกระแสพลังงานที่เราสามารถอธิบายได้ด้วยเรื่องราวและภาพประกอบ เช่น การกอดพ่อแม่ จะส่งให้ฮอร์โมนหลายตัวออกมาอย่างไร ทำให้เขาเห็นว่า ทำแล้วจะได้แฟนน่ารักอย่างไร

อยากเสียงดีหรือ สวดการสวดมนต์ ทำให้เสียงดี มีพลังได้ ร้องเพลงเพราะได้อย่างไร ดาราหลายคน เสียงเพราะมาก ทำให้คนหลงใหล เป็นเพราะมาจากพลังงานที่ดีๆ จากภายในนี่เอง ถ้าเราบอกเด็กว่า สวดมนต์แล้วจะมีคนรักมากขึ้น อันนี้จะทำให้เขาอยากสวดมนต์มากขึ้นไหม ผมว่าการสอนเด็กต้องมีศิลปะและมีกุศโลบายมากทีเดียว

ทำอย่างไรให้เด็กรักนวลสงวนตัว
ปัญหาวัยรุ่นตอนนี้ ใครที่ใกล้ชิดกับวัยรุ่น จะรู้ว่า วัยรุ่นเปลี่ยนไปเร็วมาก มีการฆ่าตัวตาย ทำแท้ง มีหน่วยงานทางสังคมมากมายออกมาแก้ไขก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้ เพราะเป็นมุมมองของคนดี ที่ไปมองคนไม่ดี เหมือนคนที่ไม่เคยอกหัก ไปแก้ปัญหาคนอกหัก ก็ใช้แต่ความคาดเดาว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น น่าจะเป็นอย่างนี้ ไปๆ มาๆ แทนที่เราจะสอนให้เด็กรักนวลสงวนตัว เรากลับไปสอนให้เด็กใช้ถุงยาง กลายเป็นว่า เราสอนเด็กให้มีศักดิ์ศรีไม่ได้แล้ว จนเรารู้สึกว่าเด็กต้องเสียตัว เราก็เลยไปโฟกัสที่ว่า ทำอย่างไรเมื่อเสียตัวแล้ว ถึงจะไม่ท้องอะไรอย่างนี้ แต่ไม่มีแง่มุมที่จะป้องกันเด็กแต่แรก

ถ้าให้เด็กเขาเห็นจริงๆ ว่า สิ่งที่น้องกำลังจะทำ หรือความสาวของน้องมันสำคัญแค่ไหน ซึ่งต้องใช้เทคนิคค่อนข้างเยอะ อย่างที่ผมทำอยู่ ผมจะอธิบายในแง่มุมของผมเอง เช่นว่า ผมเคยเป็นเด็กเสเพลมาค่อนข้างเยอะ และผ่านอะไรมาเยอะมาก อย่างเรื่องเพศสัมพันธ์ เรื่องรักๆใคร่ๆ ผมทุกรูปแบบจริงๆ เหมือนน้ำเน่า ผมไปจมกับสิ่งเหล่านั้นมาไม่น้อย ก็ต้องชี้ให้วัยรุ่นเห็นว่า ความสาว มันตื่นเต้นในช่วงแรกๆ เท่านั้น อย่าไปหลงคารมใครง่ายๆ เพราะผู้ชายจะแค่ต้องการระบายความเครียดออกไปเท่านั้นเอง อย่างเช่น เมื่อถึงจุดสุดยอด ผู้หญิงจะมีฮอร์โมนหลั่งออกมา ผู้หญิง ผู้ชายมีเหมือนกัน แต่ผู้หญิงมีมากกว่า เมื่อฮอร์โมนผู้หญิงหลั่งออกมาจะรู้สึกรัก และผูกพัน อันนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงนะครับ แม้แต่คนที่เป็นเกย์ ก็เป็นอย่างนี้ คือ ใครก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว เป็นฝ่ายรับ ทั้งหญิงหรือเกย์ที่เป็นฝ่ายรับจะเกิดฮอร์โมนหลั่งออกมา แล้วจะเกิดความผูกพันว่า ฉันเป็นของๆ เธอ และจะรู้สึกรักมากขึ้น ผูกพันมากขึ้นทุกครั้งที่ถึงจุดสุดยอด แต่ผู้ชาย ไม่ใช่ ทีนี้ ผู้หญิงด้วยมุมมองของตัวเอง ที่รู้สึกรัก ก็คิดว่า ผู้ชายรู้สึกเหมือนกัน มันเป็นมุมที่เปรียบเทียบจากตัวเอง ถ้าผู้หญิงเข้าใจจริงๆ ว่า แง่มุมแต่ละคนมันต่างกัน ก็จะไม่ไปตกหลุมพลางกับคำหวานต่างๆ นานา

ผมให้ 99.99% เลย ผู้หญิงเมื่อมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรก ด้วยคำๆ เดียว คือคำว่า รัก อันนี้กล้าพูดจริงๆ แล้วผู้หญิงก็ต้องยอมรับว่า จะมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกก็เพราะรัก แต่ผู้ชาย จะอยากมีอะไรกับผู้หญิงครั้งแรก ด้วยอารมณ์อยากผสมพันธุ์ ก็คือ แค่ต้องการแค่นั้น เพราะฮอร์โมน มันขึ้น มันอยากระบายออก มันอยากใช้ความเป็นหนุ่มให้คุ้ม แต่ไม่มีความรักเลย

ฝากน้องๆ ผู้หญิงว่า ผู้ชายที่จะรักเราจริงได้ จะเป็นวัยทำงาน เขาจะให้เกียรติเรา ถ้าเขารักเราจริง เขาจะไม่อยากไม่อยากมีอะไรกับเราก่อนแต่งาน แน่นอน มันเป็นเรื่องของสุภาพบุรุษ ซึ่งปัจจุบันนี้แทบไม่มีแล้ว ปัจจุบันมีแต่เพศผู้ซะส่วนใหญ่ เพราะผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิงจริงๆ จะรอให้แต่งงานก่อน แล้วค่อยมีอะไรกัน ผมว่า ปัจจุบันแทบไม่เหลือแล้วนะ
อะไรที่ทำให้ปล่อยให้อิสรภาพอย่างไร้ทิศทางเข้ามาแทนที่

ผมว่าสื่อด้วย คนที่ร้องเพลงสับปะดี้ สับปะดน ยิ่งดัง ยิ่งมีข่าวเสียๆ หายๆ ยิ่งเอาเข้าระบบ กลายเป็นว่า เด็กดูปุ๊ปก็ทำตาม สมัยก่อนที่ผมจำได้ ดาราจะไม่กล้าพูดคำหยาบออกทีวี กูมึงก็ไม่มี สมัยนั้น ทุกคนดูแล้วก็อยากเป็นเหมือนดารา ถ้าดาราทำตัวอย่างไร เขาก็อยากทำตัวแบบนั้น แต่ทุกวันนี้ เด็กผู้หญิงสวยๆ พูดกูมึงกัน เราเห็นบ่อยมาก เพราะอะไร ในหนังก็เห็น ดาราหล่อๆ สวยๆ ที่เราดูว่าเขาควรจะอยู่ในสถานะที่มีความสุภาพสูงสุด กลับทำตัวดูต่ำทรามที่สุด และกลายเป็นว่าของพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่แปลก เช่นเดียวกับค่านิยมในการเสียตัว เป็นเรื่องที่ว่า ดาราเขาก็มั่วกัน สังคมก็ยอมรับ มันเป็นค่านิยมที่แก้ได้ยาก อย่างที่ผมบรรยายให้วัยรุ่นฟัง ผมจะชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงในแง่มุมของผู้ชายว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้าง

คนที่มีศีล 5 จะไม่นอกใจกัน ที่นอกใจกันเพราะไม่มีศีล แล้วคนส่วนใหญ่ก็เป็นคนไม่มีศีล คนที่ไม่มีศีล ไม่ใช่คน ก็จะเป็นเพียงสัตว์เพศผู้ เท่านั้น ซึ่งสัตว์เพศผู้ก็เป็นอย่างนี้ คือ ได้ใหม่ก็ลืมเก่า มันเป็นเรื่องของราคะ

ราคะไม่เคยอิ่ม ได้ของใหม่ ได้แล้วก็เบื่อ ผู้หญิงที่ได้หลับนอนกับผู้ชายไปแล้ว พูดภาษาวัยรุ่นคือฟันแล้วก็ต้องทิ้ง เพราะมันเป็นธรรมชาติของเพศผู้ แต่ผู้หญิงชอบไปคาดหวังให้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ ซึ่งมันไม่ใช่ เพศผู้ถ้าไม่มีศีล ราคะจะกำเริบขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอายุเยอะขึ้น ตัณหาจะแก่กล้ามากขึ้น เลยต้องไปมีเมียน้อย ไปมีกิ๊ก ไปนอกใจ ถ้ามองอย่างนี้ ผู้หญิงจะปล่อยวางได้

มันเป็นเรื่องจริงที่ว่า ผู้หญิง เน้นที่ความรัก ผู้ชาย เน้นที่ความใคร่ สังเกตนะครับ ตามหน้าข่าว ผู้หญิงที่อกหักจะฆ่าตัวตาย ส่วนผู้ชายอกหักจะฆ่าผู้หญิง มันสะท้อนเลยว่า ผู้ชาย ที่รักผู้หญิงจริงมันมีน้อยมาก แต่ก็มีนะ ไม่ใช่ไม่มี

ทำอย่างไรจึงจะสอนเด็กผู้ชายให้เป็นผู้ชาย
เด็กที่จะดีได้มาจากการกล่อมเกลา แก้ปัญหาเด็กผู้ชายก็ต้องไปแก้ที่ปฐมวัย เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยทำงานบ้าน มันเป็นปัญหาใหญ่ที่ว่า เราไปเน้นให้เด็กเรียนแต่หนังสือ แต่งานวิจัยหลายชิ้นบอกเลยว่า การพาลูกไปทำงาน การให้ลูกสวดมนต์ทุกวัน การทำกิจกรรมนอกห้องเรียนสำคัญกว่าการเรียนในห้องเรียนจริงๆ การรดน้ำต้นไม้ แค่การเลี้ยงสัตว์ ฝึกคุณธรรมกับเด็กได้ดีมากทีเดียว ถ้าเขาเลี้ยงน้องหมาตัวหนึ่งและต้องให้อาหารมันทุกวัน เด็กจะเรียนรู้เรื่องความรัก ความผูกพัน การให้เบื้องต้น และจะรู้ว่า แม่รักเรามากแค่ไหน การรดน้ำต้นไม้จะได้สัมผัสกับพลังธรรมชาติของต้นไม้ ทำให้เราอ่อนโยนขึ้น

ทุกวันนี้ โทษเด็กไม่ได้ ผมรับปรึกษาปัญหาลูกเกเรด้วยนะครับ เจอหลายๆ กรณี พอวิเคราะห์แล้ว ปัญหาเกิดจากพ่อแม่และครูทั้งนั้นเลย คือ ทุกวันนี้เราโทษแต่เด็ก เด็กไม่ดี สอนยาก แต่ไม่เคยโทษพ่อแม่เลยว่า พ่อแม่เลี้ยงอย่างไร คุณรู้จักพลังจิตแค่ไหน คุณปล่อยพลังแบบไหนส่งไปหาลูก คือเราไม่เคยสอนเลยว่า เวลาที่คาดหวังลูก คุณกำลังส่งพลังลบไปหาลูก ทำให้ลูกดื้อแค่ไหน

ทำไมจึงต้องมีการแผ่เมตตาให้กับลูก แม่บางคนสื่อสารกับลูกตอนกลางวันไม่ได้ ก็ต้องกระซิบที่หูลูกทุกวัน เพราะคลื่นสมองเขาสงบตอนหลับ มันเหมือนการสะกดจิต เด็กเวลาหลับสนิท หูเขาไม่ได้ยิน แต่สมองเขาได้ยิน เราสามารถโปรแกรมจิตเขาได้ตอนที่เขาหลับ แล้วเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น เพราะถ้าเด็กสะสมข้อมูลว่า แม่จู้จี้ ขี้บ่น มานานจะสอนเขายาก เขาไม่เคยมีโปรแกรมว่า แม่รักเรามากแค่ไหน ดังนั้น จึงต้องกอดลูก หอมลูกบ่อยๆ กระซิบที่หูลูกตอนนอน แสดงความรักอย่างไม่ดัดจริต แสดงจากใจ ให้เขาเห็นว่า รักเขา แต่ไม่คาดหวังเขา

คุณพ่อคุณแม่ ต้องให้เวลากับตัวเอง ให้เวลากับลูกบ้าง ทำอย่างนี้ทุกวัน จาก "ปัญหา" ก็จะเปลี่ยนเป็น "ปัญญา" ให้เราได้พบกับความเปลี่ยนแปลงของลูกในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน