จัดการอย่างไร? ‘ขยะอันตราย’ ภัยเงียบยุคโควิด

เปิดมุมมองความคิด เจ้าพ่อธุรกิจขยะรีไซเคิลเมืองไทย 'วงษ์พาณิชย์' กับการจัดการขยะติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ‘โควิด-19’ ที่ยังไม่มีตัวยาใดรักษาได้อย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนต่างแสวงหาเครื่องมือเครื่องใช้มาป้องกันตัวเอง เกิดสิ่งประดิษฐ์มากมายที่ใช้ได้ครั้งเดียวและหลายครั้ง รวมถึงชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่ก่อให้เกิดขยะจำนวนมหาศาล ทั้งขยะอาหาร ขยะพลาสติก และที่สำคัญคือ ขยะติดเชื้อ ซึ่งอาจกลายเป็นภัยร้ายที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบๆ ในตรอกซอกซอย ชุมชน แหล่งน้ำ หากไม่มีการจัดการที่ดีพอ
- ขยะ 'โควิด' ทิ้งให้ถูกถัง
เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์น่าเป็นห่วงของ ‘ขยะอันตราย’ และแนวทางการจัดการที่ควรจะเป็นในบ้านเรา คงไม่มีใครตอบได้ดีไปกว่า เจ้าของอาณาจักรรีไซเคิล ‘วงษ์พาณิชย์’ ผู้อยู่ในแวดวงการเก็บขยะและรีไซเคิลมาตั้งแต่ปี 2517 จากจุดเริ่มต้นกับซาเล้งเก็บขยะ พัฒนามาเป็นโรงงานคัดแยกขยะรีไซเคิลในปี พ.ศ. 2532 รองรับขยะ 80,000-100,000 กก./วัน หลังจากนั้น กิจการ ‘วงษ์พาณิชย์’ ก็เติบโตขยายเฟรนไชส์ภายในประเทศไปถึง 1,761 สาขา ในต่างประเทศ 9 สาขา แบ่งเป็นในสปป.ลาว 3 สาขา ในกัมพูชา 2 สาขา ในมาเลเซียและญี่ปุ่น 4 สาขา และในรัฐแมริแลนด์และวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา 1 สาขา ดร.สมไทย วงษ์เจริญ ย้อนรอยเส้นทางชีวิตของตนเองให้ฟังว่า
“45 ปี ที่ใช้ชีวิตท่ามกลางกองขยะ สิ่งที่ผู้คนทั้งหลายรังเกียจ วันนี้ทำให้วงษ์พาณิชย์เกิดอาชีพการจัดการขยะ ประหนึ่งว่าเรากำลังทำสัมปทานเหมืองแร่บนดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีวันสิ้นสุด เรารู้ลึก รู้จริงในทุกๆ วัสดุ โลหะ พลาสติก บนบก ในแม่น้ำลำคลอง ในทะเล ผมดีใจมากที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพให้ความสนใจเรื่องนี้ ทำเป็นหลักสูตร เจาะทุกส่วน จนกระทั่งตกผลึกเป็นหลักสูตรวิชานวัตกรรมสร้างชาติ ผู้ที่ยังมีความรู้ไม่มากนัก สามารถมาเรียนรู้แล้วมาสอบคุณวุฒิวิชาชีพได้ จะทำให้เราทำงานได้แบบผู้ทรงเกียรติสง่างามเลยทีเดียว” ประธานกรรมการ บริษัท คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์ จำกัด กล่าวในเฟซบุ๊คไลฟ์ หัวข้อ ‘ขยะต้องปลอดเชื้อ Covid-19’ ที่จัดโดย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)
“ทุกวันนี้ สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้มีขยะเกิดขึ้นมากมาย เราต้องเข้าใจถึงประเภทชนิดขยะที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่หน้ากากอนามัยที่มีหลากหลาย ทุกไซส์ ทุกสีสัน ถ้าไปงานศพก็สีดำ ถ้าไปงานสิ่งแวดล้อมก็สีเขียว ถ้าไปวัดวาอารามก็สีขาว ถ้าพระภิกษุสงฆ์ก็สีเหลือง ประชาชนทั่วไปก็พิงค์เลดี้ ถ้าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิก็ซื้อยี่ห้อดีๆ มาใช้ ยี่ห้อที่ได้มาตรฐานก็จะมีสิ่งที่แตกต่างไปคือโลหะ เวลาใส่จะได้เข้ารูปกับจมูก ถ้าจับดูจะรู้ว่าแต่ละอย่างมีองค์ประกอบตั้งแต่ผ้า ตัวกรอง โลหะ
แล้วก็ยังมี ถุงมือผ้า ถุงมือยาง ไว้หยิบจับสิ่งของ หรือตรวจตามด่านต่างๆ มีชุด PPE สวมใส่ เรามองผิวเผินว่ามันสะอาด ขาวๆ แต่มันมีพญามัจจุราชเคลือบแฝงอยู่ในทุกๆ ส่วน แล้วก็มี เฟซชิลด์ มื่อก่อนไม่มี ตอนนี้มาเป็นแฟชั่นเลยครับ แล้วก็มีพวกเจลต่างๆ สารพัดรูปแบบ ทั้งขวด แก้ว พลาสติก ยี่ห้อไหนขายดีที่สุดก็จะมีมากที่สุด เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เราต้องกดล้างมือ มีคนมาสัมผัสเยอะๆ ไม่รู้ว่ามีเชื้่อโรคมากน้อยขนาดไหน เป็นภัยร้ายแรงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เราต้องถ่ายทอดความรู้ให้คนเข้าใจ จะได้ระมัดระวัง ไม่ประมาท ภัยอันตรายที่แฝงตัวมาเงียบๆ ในสิ่งของต่างๆ เหล่านี้ เป็นขยะชนิดใหม่ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยและสังคมโลก”
- เสริมเกราะให้คนเก็บ‘ขยะ’
การจัดการขยะติดเชื้ออันตราย นอกจากประชาชนทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีความเสี่ยงมากที่สุดก็คือ แม่บ้าน พนักงานทำความสะอาด ซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการที่ไม่เหมือนเดิมด้วยเช่นเดียวกัน
“ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เราต้องทำความเข้าใจว่า จุดบ่งชี้ของความเสี่ยงภัย สิ่งขาวๆ สวยๆ งามๆ ที่ออกแบบมาป้องกันไวรัสโควิดรูปแบบต่างๆ อาจเกิดผลกระทบกับตัวเราก็ได้ สิ่งของแต่ละชนิดที่ใช้แล้วจะต้องมีการเก็บ รวบรวม แยกไว้ต่างหาก การแยกขยะในบ้าน ของแต่ละประเภทเราทราบอยู่แล้ว แต่นี่คือขยะประเภทใหม่ ขยะทันสมัย ก็ต้องแยกออกมาจัดเก็บให้ถูกวิธี ถูกที่ ถูกทาง ไม่ใช่เก็บไปแล้ว กลายเป็นจุดแพร่เชื้อโรคให้กับคนอื่นๆ ต่อไป
เริ่มต้นด้วยการหา ‘บรรจุภัณฑ์’ ที่ควบคุมวัตถุอันตราย ถ้าเป็นบ้านเรือนที่พักอาศัย หรือหน่วยงานองค์กรขนาดเล็ก อาจใช้กล่องเล็กๆ หรือกล่องโฟม EPS โดยติดสัญลักษณ์ ‘ขยะอันตราย’ ไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังกล่อง เมื่อนำขยะใส่ลงไปจนเต็มแล้ว ควรปิดด้วยเทปให้เรียบร้อย
"ถ้าเป็นประเทศญุี่ปุ่นหรือยุโรป เขาจะมีบาร์โค้ดติดที่กล่องว่า กล่องนี้ออกมาจากบ้านเลขที่อะไร บุคคลในบ้านมีใครอยู่บ้าง แสดงตัวตนที่มา จากนั้นก็ส่งให้กับรถเทศบาลที่มารับไปส่งให้กับหน่วยงานที่รับกำจัดขยะติดเชื้อ เราถึงจะควบคุมมันได้ ถ้าเป็นโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ก็ใช้กล่องที่ใหญ่ขึ้นหรือใช้ ‘ถังแดง’ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ควบคุมได้
จากนั้นบริษัทเอกชนที่รับจัดการขยะอันตรายติดเชื้อหรือเตาเผาของรัฐ จะนำเข้าสู่ระบบกำจัด ด้วยเตาเผา 2 ขั้นตอน ขั้นตอนที่หนึ่ง 400 องศา แล้วเอากากขี้เถ้าไปเผาต่อขั้นตอนที่สอง 800 องศา เพื่อฆ่าของเสียอันตราย ขยะติดเชื้อต่างๆ จะถูกเผาไหม้ไปในจุดนี้"
อีกส่วนหนึ่งเป็นการกำจัดขยะด้วยวิธี RDF (Refuse Derived Fuel) เพื่อทำเป็นเชื้อเพลิงส่งให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า หรือโรงงานปูนซีเมนต์ โดยจะมีค่าความร้อน 3,000 กว่าองศา สูงกว่าโรงงานกำจัดขยะติดเชื้อ แล้วยังได้เชื้อเพลิงทดแทนมาใช้ประโยชน์อีกด้วย
"สำหรับแม่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เก็บขยะตามสำนักงาน หน่วยงานรัฐ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าก็ดี รูปแบบการเก็บขยะจะต้องเปลี่ยนไป ไม่ใช่เก็บกันแบบเดิม อะไรๆ ก็เก็บรวมๆ กันมา จะต้องเริ่มต้นด้วย มีถังหรือถุงสีแดง ต้องแยกประเภทให้ชัดเจน แล้วก็ติดป้ายสัญลักษณ์ไว้ว่านี่คือ ขยะปนเปื้อนไวรัสโควิด-19 หรือจะติดป้ายพญามัจจุราช ท้าวเวสสุวรรณไว้ก็ได้ คนจะได้กลัวว่าอย่ายุ่งกับมันนะ คุมมันให้ดีนะ คุณแม่บ้านจะมาถือไม้กวาดเก็บขยะแบบเดิมต่อไปไม่ได้แล้ว จะต้องมีหน้ากากอนามัยของแท้อย่างดี ของปลอมคงไม่ได้
ชุดแม่บ้านก็ต้องเปลี่ยนไป เป็นชุด PPE สวมใส่ป้องกัน พอชุดเปลี่ยนไปแล้ว อุปกรณ์เปลี่ยนไป การระมัดระวังป้องกันก็ต้องเปลี่ยนไป จะมาทำงานเริ่มต้นด้วยการใส่แมสใส่ถุงมือแล้วไปทำงานเลย ไม่ได้แล้ว ต้องมาอบรมเรื่องเซฟตี้กันก่อน อย่างน้อยหนึ่งวัน เตรียมตัวเข้าสู่การเป็นแม่บ้านยุคใหม่แบบมืออาชีพ"
ขยะอันตราย นอกจากขยะติดเชื้อแล้ว ยังมีพวกกระป๋องสเปรย์ต่างๆ ที่หากทิ้งลงไปในถังแล้วมีคนจุดบุหรี่ทิ้งลงไปสามารถระเบิดเป็นเปลวไฟได้
"เวลาระเบิดมันบินเข้าหน้าต่างบ้านหลังนั้นเลยครับ เหาะได้เหมือนจรวด เผาเมืองได้ทั้งเมือง นี่คืออันตรายที่น่ากลัวที่สุด รวมถึง ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ในไฟฟ้าสำรองหรือคอมพิวเตอร์ ต้องมีการคัดแยก เพราะมีสารโลหะหนักเป็นอันตราย บางครั้งเราอาจจะปนเปื้อนสารเคมีอันตรายก็ได้ ยาหมดอายุก็ได้ หรือสารกัมมันตภาพรังสีก็ได้ เพราะมันเคลือบอยู่ในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง เช่น สายส่งสัญญาณล่อฟ้า แฉกๆ เป็นดาว ถ้าปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายของคน พืช สัตว์ สุนัข แมว ที่เลี้ยงไว้ ไม่กี่วันขนร่วงเกลี้ยงเลย เหล่านี้คือความรู้ที่เราต้องมี เพื่อไว้จัดการขยะแบบมืออาชีพ"
ในขั้นตอนการจัดการขยะ การคัดแยกขยะ การเก็บรวบรวมขยะ การขนส่งขยะ ถ้าเห็นว่ามีของที่เป็นอันตราย ผู้ดำเนินการต้องรู้ว่าจะแจ้งไปที่ไหน เช่น ถ้ามีขยะอันตรายประเภทกัมมันตภาพรังสี อาจต้องมีการปิดล้อมแล้วติดป้ายไว้ จากนั้นแจ้งไปยังสำนักงานปรมาณูฯ เพื่อให้ส่งรถมาจัดเก็บสิ่งของเหล่านี้ไปไม่ให้ปนเปื้อนในสภาพแวดล้อม หรือหากพบไก่ตายเป็นจำนวนมากกองรวมกันอยู่ ต้องระวังว่าอาจเกิดจากโรคบางอย่าง ต้องรีบแจ้งสาธารณสุขให้เขามาควบคุมตามหลักวิธีการที่ถูกต้อง
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีและความรู้ ถ่ายทอดไปสู่สังคม โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพเกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างถูกวิธี ไม่ให้ขยะพิษขยะอันตรายสร้างผลกระทบต่อสังคมสิ่งแวดล้อมต่อไป
ดร.สมไทย วงษ์เจริญ
- 'การจัดการขยะ' วาระแห่งชาติ
หากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เป็นโอกาสในการสร้างแนวทางปฏิบัติใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านสุขอนามัย การจัดการขยะก็น่าจะเป็นอีกด้านหนึ่งของ ‘ความปกติใหม่’ ที่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคัดแยกขยะ การจัดเก็บ และการรีไซเคิล ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นจริงไปไม่ได้เลย หากภาครัฐไม่มีแนวทางที่ชัดเจน
“ตอนนั้นรัฐบาลมีนโยบาย 3R ประชารัฐ ปี 2558 ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยตื่นตัวเรื่องการแยกขยะ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ร่วมมือกันคัดแยกขยะ มีการฝึกอบรม แยกขยะเป็นรีไซเคิลถุงหนึ่ง ขยะเปียก-ขยะรวมถุงหนึ่ง ขยะอันตรายถุงหนึ่ง เสร็จเรียบร้อย รถเทศบาลมา เปิดไฟวับๆ เจ้าหน้าที่เก็บทุกอย่างโยนเข้าไปในรถ เกิดคำถามว่า ฉันอุตส่าห์แยกอย่างดี ทุกบ้านในซอยทั้งหมู่บ้านก็ได้ประกาศว่าเป็นถนนสีขาว แต่ทำไมมีสิ่งนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย การจัดการขยะจึงเป็นสิ่งที่ภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคประชาชน ต้องร่วมมือกันจัดการ
ผมมีความฝันว่า สักวันหนึ่ง รัฐจะมีเมตตา เก็บขยะแบบคัดแยกกันอย่างจริงจัง ขยะอันตรายเอาไปรถหนึ่ง ขยะรีไซเคิลเอาไปรถหนึ่ง ขยะเปียกเอาไปรถหนึ่ง อย่างนี้มันจะจบสิ้นสักทีหนึ่ง สนับสนุนสิครับ เมื่อประชาชนคัดแยกขยะ รีไซเคิลแล้ว สนับสนุนให้เกิดศูนย์รีไซเคิลในเขตเมืองใหญ่ๆ ในกทม. ในเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย ในจังหวัดต่างๆ สนับสนุนให้เป็นคอนวีเนียนสโตร์รีไซเคิลเกิดขึ้นมา ประชาชนก็อยากคัดแยกขยะไปส่ง"
น่าเสียดาย ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแนวคิดนี้ยังคงห่างไกลจากความเป็นจริง ซึ่ง ดร.สมไทยมองว่าปัญหาสำคัญคือ การขาดแรงจูงใจ
"รัฐบาลปล่อยให้ธุรกิจโรงหลอม โรงแปรรูปพลาสติก โรงแปรรูปกระดาษ นำเข้ากระดาษจากต่างประเทศ นำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ ราคาขวดน้ำพลาสติกแต่ก่อนกิโลละ 18 บาท พอนำเข้ามาเหลือกิโลละ 3 บาท ราคาเศษกระดาษกิโลละ 8 บาท ตุ๊บเดียวเหลือ 40-50 สตางค์ เป็นยุคที่ซาเล้งยังเดือดร้อน ไปโวยที่กระทรวงพาณิชย์ว่าซาเล้งกำลังจะอดตาย ถ้าปล่อยให้เอาขยะจากต่างประเทศเข้ามา ระยะหลังกระทรวงพาณิชย์ระงับการนำเขาเศษพลาสติก เศษกระดาษ ขยะก็ขึ้นราคา ซาเล้งไชโยโห่ฮิ้วเลย ชีวิตฉันรอดแล้ว คนเริ่มเก็บขยะมาขาย”
ในมุมนี้ กลไกของรัฐจึงสำคัญกับทุกภาคส่วน เหมือนการตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง ในเมื่อภาคประชาชนตื่นตัวคัดแยกขยะแล้ว ภาครัฐจึงควรส่งเสริม
“ควรสนับสนุนให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชน เกิดการรับซื้อ RDF ส่วนขยะเปียกก็ควรสนับสนุนให้เกิดการทำปุ๋ย ปัญหาจะหมดไป ขยะอันตรายก็ส่งให้ภาครัฐไปจัดการตามระเบียบของกฎหมายบ้านเมือง ตอนนี้ศูนย์รีไซเคิลในเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ภูเก็ต เปิดไม่ได้ เปิดแล้วถูกจับ เพราะเป็นธุรกิจการค้าสังคมรังเกียจต้องห้ามอยู่ในโซนผังเมือง การติดตั้งมอเตอร์ 60 แรงม้าในเมืองจะต้องมี พ.ร.บ.กรมโรงงาน เราจึงไม่ได้รับการสนับสนุนการจัดการขยะการรีไซเคิลอย่างแท้จริง ต่อไปในภายภาคหน้า หากประเทศของเรามีผู้ที่เจริญด้วยความรู้ต่างๆ เกิดขึ้น ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ ผสมลงตัว นี่ก็ 5.0 แล้วนะครับ เดี๋ยวเราจะล้าหลังครับ” เจ้าของอาณาจักรรีไซเคิล ‘วงษ์พาณิชย์' ฝากไว้ให้คิด
จีนมีคำกล่าวว่า "จริงๆ แล้วโลกใบนี้ไม่มีขยะ มันเป็นเพียงทรัพยากรที่เอาไว้ผิดที่เท่านั้น" และ "ทรัพยากรธรรมชาติที่ตายแล้ว ถ้าใครทำให้เกิดใหม่ได้ ถือว่าเป็นยอดคนขั้นขุนพล" นับเป็นความจริงแห่งยุคสมัยเลยทีเดียว




