รพ.รัฐ-เอกชนซื้อขายยา “โควิด” สกัดยาเถื่อน-คนไทยเข้าถึง

รพ.รัฐ-เอกชนซื้อขายยา “โควิด” สกัดยาเถื่อน-คนไทยเข้าถึง

ปัจจุบัน อย. ได้อนุมัติยาแก่บริษัทเอกชนผู้รับอนุญาตได้แก่ ยาโมลนูพิราเวียร์ จำนวน 3 ทะเบียน ยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 3 ทะเบียน ยาเรมเดซิเวียร์ จำนวน 5 ทะเบียน ดังนั้นประชาชนต้องมีความเข้าใจหลักการใช้ยาต้องไปพบแพทย์และรับยาตามระบบที่ถูกต้อง

ในที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ก็มีมติปลดล็อกเปิดให้โรงพยาบาลทุกสังกัดทั้งรัฐ และเอกชนจัดหายาต้านไวรัสสำหรับรักษาโรคโควิด-19 ได้เอง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ เข้าใจว่าเป็นการแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้า “ยาเถื่อน-ยาปลอม” ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีการจับกุม ฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวียร์ เถื่อนกว่า 2,300 กล่องจำนวน 8 หมื่นเม็ด มูลค่า 10 ล้านบาท เป็นการนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ผ่านการพิจารณาเรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของยา ถูกลักลอบนำเข้ามาจากอินเดียโดยผู้ต้องหารู้จักกับคนอินเดีย จึงขอให้ช่วยซื้อและส่งมาลักลอบนำเข้ามาในไทย

ว่ากันว่าปัจจุบันมีการขายหรือโฆษณายาปลอมหรือยาเถื่อนผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก ผู้บริโภคที่สั่งซื้อยามารับประทานเอง มีโอกาสเกิดอันตรายต่อร่างกาย จาก “ยาเถื่อน” ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยาที่ลักลอบนำเข้าไม่ถูกกฎหมาย หรืออาจจะเป็น “ยาปลอม” ที่สารนำมาทำเป็นยาไม่ถูกต้อง หรือยาเสื่อมคุณภาพได้ เป็นยาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ยาที่ไม่มีคุณภาพได้ ปัจจุบัน อย. ได้อนุมัติทะเบียนตำรับยากลุ่มที่ใช้รักษาโรคโควิด-19 ให้แก่บริษัทเอกชนผู้รับอนุญาตได้แก่ ยาโมลนูพิราเวียร์ จำนวน 3 ทะเบียน ยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 3 ทะเบียน ยาเรมเดซิเวียร์ จำนวน 5 ทะเบียน

ดังนั้นประชาชนต้องมีความเข้าใจหลักการใช้ยาต้องไปพบแพทย์และรับยาตามระบบที่ถูกต้อง จะได้ยาตามความจำเป็นและได้ยาที่มีคุณภาพและควรรับยาจากช่องทางที่ถูกกฎหมาย ที่ผ่านการนำเข้าหรือผลิตจากผู้รับอนุญาตด้านยาเท่านั้น ถึงจะสามารถยืนยันได้ถึงความปลอดภัย เนื่องจากผู้ได้รับอนุญาตจะมีระบบการประกันคุณภาพยาตามมาตรฐานสากล ตลอดห่วงโซ่การกระจายยามั่นใจได้ว่ายาจะคงคุณภาพและความปลอดภัยจนถึงมือผู้ป่วย รวมไปถึงมีระบบติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาด้วย

ทั้งนี้ตั้งแต่ ม.ค.-ก.ค. 2565 กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรยาให้ รพ.รัฐและเอกชน โดยจัดสรรฟาวิพิราเวียร์แล้ว 265.5 ล้านเม็ด โมลนูพิราเวียร์ 12 ล้านเม็ด เรมเดซิเวียร์ 375,210 ไวอัล ปัจจุบันมียาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์อยู่ในพื้นที่ 11 ล้านเม็ด ใช้เฉลี่ย 7.8 แสนเม็ดต่อวัน เพียงพอการใช้ 14 วัน ซึ่งจะเติมยาต่อเนื่องเมื่อมีการใช้ด้วยระบบ VMI เพื่อให้ยาในพื้นที่มีสำรองสำหรับการใช้ 14 วันอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรมเดซิเวียร์เหลืออยู่ในพื้นที่ 35,000 ไวอัล ใช้เพียงพอ 12 วัน ส่วนกลางยังมีสำรองยาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์ 2.8 ล้านเม็ด และเรมเดซิเวียร์ 7 พันไวอัล อยู่ระหว่างจัดซื้อเพิ่มเติม คือ ฟาวิพิราเวียร์ 10 ล้านเม็ด โมลนูพิราเวียร์ 20 ล้านเม็ด และเรมเดซิเวียร์ 8 หมื่นไวอัล การอนุมัติให้รพ.ทุกสังกัดทั้งรัฐและเอกชนสามารถจัดซื้อยาต้านไวรัสรักษาโควิด 19 ได้เองจะช่วยให้ "ประชาชนได้เข้าถึงยาได้มากขึ้นและอยู่ร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัย”