ติดโควิดอย่าตื่นตระหนก รักษาผ่านTelemedicine ได้ที่บ้านฟรี

ติดโควิดอย่าตื่นตระหนก รักษาผ่านTelemedicine ได้ที่บ้านฟรี

ด้วยจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งหลายคนเมื่อติดโควิดอาจจะวิตกกังวลว่าใช้สิทธิอะไรได้บ้าง? ติดแล้วจะต้องทำอย่างไร? หากต้องการรักษาผ่านระบบ Telemedicine ได้ด้วยแอปพลิเคชั่นจะได้พบแพทย์หรือไม่ จะมียาให้? และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่? 

วันนี้ (25 ก.ค.2565) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป (App Mordee) และ บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ  App Gooddoctor) เพื่อช่วยไขข้อสงสัยถึงการรักษาโควิด-19 ผ่านระบบ Telemedicine ที่จะทำให้ทุกคนสามารถมีแพทย์ประจำบ้านได้

ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป  หรือApp Mordee   กล่าวว่าการบริการรักษาโควิดผ่านระบบTelemedicine ของทั้ง 2 แอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชั่น หมอดี หรือ กู๊ด ด็อกเตอร์ ต่างได้รับการอนุญาตจากทางกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้เป็นการดำเนินการผิดกฎหมาย และการดำเนินการของทั้ง 2 แอปฯเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดผ่านระบบTelemedicine ผู้ป่วยสามารถพบแพทย์ ได้รับยา โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปแออัดที่โรงพยาบาล เป็นการประหยัดทั้งเวลา ทั้งการเดินทาง

"ผู้ป่วยที่ใช้ระบบTelemedicine ผ่านแอปฯ MorDee (หมอดี) ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ขณะนี้จะเป็นผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการสีเขียว สิทธิบัตรทองสามารถใช้สิทธิบัตรทอง30 บาท  และได้เริ่มดำเนินการในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพียงกรอกแบบฟอร์มเพื่อลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิ จากนั้น เจ้าหน้าที่จะติดต่อผู้ป่วยเพื่อคัดกรอง ประเมินอาการเบื้องต้น และปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่านแอป MorDee (หมอดี) ในกรณีที่แพทย์มีการสั่งยาตามอาการของผู้ป่วย  ก็สามารถรอรับยาที่บ้านได้ พร้อมมีเภสัชกรแนะนำการใช้ยา รวมถึงมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง "ดร.อดิภัทร กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สปสช. ผนึก 2 แอปฯ ดูแล "ผู้ป่วยโควิด-19" พบหมอออนไลน์ ส่งยาถึงบ้าน ฟรี

                        สายด่วน 1330 ช่วยดูแลผู้ป่วยโควิด ‘ส่งยา-telemedicine-ประสานหาเตียง’

                        “ติดโควิด” กทม.-ปริมณฑล มี “บัตรทอง” รักษาตัวที่บ้าน ลงทะเบียนผ่านแอปฯ รับยาฟร

 

  • Telemedicine ได้พบแพทย์ จัดส่งยาถึงบ้าน

ในกลุ่มผู้ป่วยที่อาการรุนแรงมากขึ้น จะมีการประสานงานกับ สปสช. เพื่อส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามสิทธิต่อไป นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังสามารถขอใบรับรองการเข้ารับบริการบนแอป MorDee ผ่านทางอีเมลได้อีกด้วย มั่นใจว่า ความร่วมมือกับ สปสช. อย่างต่อเนื่องนี้ จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที ป้องกันอาการที่อาจรุนแรงขึ้น  ลดการแพร่ระบาดของโรค  ทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ในรพ. ลดความแออัดของรพ.อีกด้วย

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) มีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันชั้นนำกว่า 600  คน ให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพเบื้องต้น ครอบคลุมกว่า 20 สาขา ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ในโรคอื่นๆ เช่น  โรคคอ หู จมูก หรือโรคเบาหวาน สามารถเข้ารับการรักษาได้ พร้อมมีบริการส่งยา ส่งพยาบาลไปถึงบ้าน โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อจากการเดินทางและรอคิวที่โรงพยาบาล 

ดร.อดิภัทร กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สิ่งที่เป็นปัญหา คือ ยาในการรักษาผู้ป่วยโควิด ซึ่งต้องยอมรับว่ายาเริ่มขาดตลาด เพราะมีหลายครอบครัวที่มีการกักตุนยาไว้ที่บ้าน หลายครั้งที่สอบถามพบว่าที่บ้านมียาอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้ยา แต่หากผู้ป่วยไม่มียาก็จะมีการจัดส่งให้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทันถ่วงที 

"หากคนไทยมีการใช้  Telemedicine ประมาณ 30%  จะช่วยประหยัดเงินประเทศด้วยมหาศาล และสามารถนำเงินเหล่านั้นไปดูแลผู้ป่วยโรคร้ายแรง ดังนั้น ระบบแพทย์ทางไกล Telemedicine เป็นเสมือนการยกโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านของทุกคน ทำให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาได้สะดวกขึ้น ง่ายมากขึ้น และประหยัดเวลา อยากให้ประชาชนไว้วางในระบบTelemedicine"ดร.อดิภัทร กล่าว

 

 

 

  • "Good Doctor"  แอปฯช่วยผู้ป่วยโควิด เข้าถึงการรักษาได้สะดวก และง่าย

ด้าน นพ.สุทธิชัย โชคกิจชัย หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ  App Good Doctor กล่าวว่าTelemedicine ทำให้ผู้ป่วยห่างไกลสามารถเข้าถึงการรับบริการได้ผ่านการใช้มือถือ โดยผู้ป่วยสามารถติดต่อพบแพทย์ และปรึกษาแพทย์ได้ พร้อมทั้งสามารถจัดส่งยาไปให้ถึงมือผู้ป่วยที่บ้าน มีการอธิบายการใช้ยา ซึ่งกระบวนการทั้งหมด เชื่อว่าทุกบริษัทที่ดำเนินการแอปพลิเคชั่น แพทย์ทางไกลต่างให้บริการใกล้เคียงกัน และมีการดูแลผู้ป่วยทั้งองค์รวม 

"ส่วนกรณีเจอ แจก จบ ทั้ง 2  Appได้เข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นความจำเป็นของประเทศในการนำระบบTelemedicineมาใช้ เพราะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแพทย์ การมีช่องทางให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษารักษา รวมถึงการไปรับยาจากร้านยาใกล้บ้าน เป็นการลดการแพร่กระจายโรค และให้ความสะดวกแก่ผู้ป่วยมากขึ้น แต่ทั้งนี้ อยากฝากประชาชนขอให้ใช้สิทธิใดสิทธิหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ จากการสำรวจพบว่าผู้ป่วยประมาณ 16% จะมีการมาขอใช้สิทธิและขอรับยา ทั้งที่ไปใช้สิทธิหรือรับยาใกล้บ้านมาแล้ว"นพ.สุทธิชัย กล่าว

หลักเกณฑ์สำหรับการดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มอาการสีเขียว ในเขตพื้นที่กทม.และปริมณฑลนั้น ขณะนี้ได้มีการหารือร่วมกันเพื่อขยายไปครอบคลุมให้ทั่วประเทศ รวมถึงการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 608 ร่วมด้วย ดังนั้น เมื่อเข้าในระบบจะมีการคัดกรอง มีการพบแพทย์โดยตรงเพื่อประเมินอาการผู้ป่วยอย่างละเอียด และหากมีอาการรุนแรงจะประสานไปยังสปสช.เพื่อส่งตัวผู้ป่วยทันที

  • ครอบคลุมพื้นที่กทม.และปริมณฑล3 จังหวัด

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบขั้นต้น พบว่ากว่า 90% ของผู้ที่สมัครเข้ามานั้น ไม่เข้าเกณฑ์ที่เหมาะสมกับการรับบริการแพทย์ทางไกล โดยกว่า 40% เป็นผู้ใช้สิทธิอื่น เช่น ข้าราชการ ประกันสังคม รองลงมาคือกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 15 ปี และกลุ่มที่อายุมากกว่า 60 ปี รวมทั้งมีอีกจำนวนหนึ่งที่มีภาวะเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัว หรือเคยสมัครเข้ารับบริการที่อื่นแล้วสมัครมารับบริการ Telemedicine ซ้ำอีก ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปฏิเสธการให้บริการเพราะไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนด

หากประชาชนติดเชื้อโควิด ขึ้น 2 ขีด สามารถสแกนคิวอาร์โคด ตอบแบบสอบถาม และจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อ ขั้นตอนเหล่านี้อาจจะใช้เวลานาน เพราะมีผู้สนใจเข้ามารับบริการจำนวนมาก และอาจมีผู้ป่วยที่ไม่เข้าเกณฑ์ แต่ถ้าผู้ป่วยตรงตามเกณฑ์จะได้รับการรักษาทุกคน

ส่วนการให้ยานั้น จะเป็นการให้ยาตามอาการ หากใครมีความจำเป็นต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ หรือฟ้าทะลายโจร ก็จะมีการจัดส่งให้ทันที 60 นาทีหลังจากพอแพทย์แล้ว

"บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ฯ ยินดีให้บริการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกรายอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากมีเกณฑ์ที่กำหนดไว้ทำให้เราสามารถให้บริการได้จำนวนหนึ่ง ดังนั้นจึงอยากขอเน้นย้ำว่าในการเข้ารับบริการนั้น ประการแรกจะต้องเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่อยู่ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยในส่วนของ กู๊ด ด็อกเตอร์ฯ ดูแล กทม.และปริมณฑล 3 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ยังไม่ครอบคลุม นครปฐมและสมุทรสาคร เนื่องจากการจัดส่งยังไม่ครอบคลุม 2 จังหวัดนี้ แต่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ใน จ.นครปฐมและสมุทรสาคร สามารถเลือกลงทะเบียนกับอีกแอปพลิเคชันที่ร่วมให้บริการได้ คือ แอปหมอดี"นพ.สุทธิชัย กล่าว

  • ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 608 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแพทย์

ผู้ป่วยโควิด-19 ต้องมีอายุอยู่ระหว่าง 15-60 ปี ไม่ใช่กลุ่ม 608 ไม่มีภาวะเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัว อ้วน หรือตั้งครรภ์ เป็นต้น กรณีคนพิการ รับดูแลคนพิการที่สามารถใช้การสื่อสารทางออนไลน์ได้ และไม่มีอัตราเสี่ยงต่อตัวผู้ป่วยเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

ส่วนผู้ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์เหล่านี้ หากเป็นสิทธิข้าราชการหรือประกันสังคม ท่านสามารถเข้ารับการดูแลตามช่องทางที่สิทธิของท่านกำหนด ส่วนผู้ที่มีภาวะเสี่ยง ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาว่าเหมาะสมกับการดูแลที่บ้านได้หรือไม่

เช่นเดียวกับกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 15 ปี หรือ อายุมากกว่า 60 ปี ก็สามารถเข้ารับบริการในช่องทางอื่นที่ สปสช. กำหนด เช่น ที่โรงพยาบาล หรือที่ร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการให้บริการผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน (OP Self Isolation) หรือ “เจอ แจก จบ” โดยเฉพาะกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เพราะเภสัชกรจะได้ปรับโดสยาให้เหมาะสมกับขนาดตัวและช่วงอายุนั่นเอง 

นพ.สุทธิชัย กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลที่ผู้ติดเชื้อ 90% ที่สมัครเข้ารับบริการ Telemedicine ไม่เข้าเกณฑ์ที่สามารถรับบริการได้นั้น บริษัทได้ปรับระบบเพื่อให้สามารถแจ้งผลการสมัครได้เร็วที่สุด โดยจะแจ้งผลการตรวจสอบเกณฑ์คุณสมบัติทุกๆ 3 ชั่วโมง

หากไม่เข้าเกณฑ์จะแจ้ง SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ รวมทั้งจะแจ้งรายละเอียดหลักเกณฑ์ในขั้นตอนการสมัคร ว่ามีกลุ่มไหนบ้างที่ไม่เหมาะกับบริการแบบ Telemedicine เพื่อให้ผู้สมัครประเมินตัวเองในเบื้องต้น ทั้งนี้หากผู้สมัครเข้าเกณฑ์ที่กำหนดว่าสามารถรับบริการได้ ทางบริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ฯ ก็จะให้การดูแลอย่างเต็มที่ต่อไป สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ไลน์ GDTT หรือพิมพ์ไลน์ไอดี @gdtt

  • ย้ำขั้นตอนการเข้าสู่ระบบTelemedicine

 สำหรับขั้นตอนการเข้าสู่ระบบการรักษาโควิด-19 อาการสีเขียว ดังนี้ 

1. เมื่อตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มอาการไม่รุนแรง (ผู้ป่วยสีเขียว)สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สปสช.-สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) 
-อายุ 15-60 ปี
-น้ำหนักไม่เกิน 90 กิโลรัม หรือ BMI ไม่เกิน 30
-ไม่ตั้งครรภ์
-ไม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง
-ไม่มีโรคประจำตัว รวมถึงโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน แม้จะคุมอาการได้ก็ตาม
-ไม่ใช่กลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี, ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และหญิงตั้งครรภ์
-ไม่มีอาการของโรคโควิด-19 รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ
-ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง เช่น ภาวะอ้วน
-กรณีคนพิการ รับดูแลคนพิการที่สามารถใช้การสื่อสารทางออนไลน์ได้ และไม่มีอัตราเสี่ยงต่อตัวผู้ป่วยเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

 

2. เลือกลงทะเบียนตามแบบฟอร์มลงทะเบียนโครงการ Self-Isolation สำหรับผู้ป่วย COVID-19 สนับสนุนโครงการโดย สปสช. ผ่านการให้บริการบน 

แอปพลิเคชัน Good Doctor Technology ให้บริการโดย บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย): https://forms.gle/YKVMKy1p8FRDDBje7

  • รับเฉพาะผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เท่านั้น*** 
  • สอบถามเพิ่มเติม Line ID: @gdtt 

แอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี) โดย ทรู เฮลท์  บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด: https://form.typeform.com/to/cNKqNz3p

  • รับเฉพาะผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล 5 จังหวัด นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เท่านั้น 
  • สอบถามเพิ่มเติม Line ID : @mordeeapp

3.เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อยืนยันตัวตนเข้ารับบริการ คัดกรอง ประเมินอาการเบื้องต้น และปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ให้คำแนะนำการดูแลตัวเอง 
4.จัดส่งยาตามความจำเป็นให้กับผู้ป่วย โดยบางรายอาจได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ขึ้นอยู่กับอาการ
5.เมื่อรับการดูแลครบ 48 ชั่วโมงแล้ว เจ้าหน้าที่จะพูดคุยกับผู้ป่วยอีกครั้งเพื่อสอบถามอาการ และแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองให้ครบ 10 วันตามแนวทางกระทรวงสาธารณสุข เมื่อผู้ป่วยดีขึ้นแล้วก็จะออกจากระบบการดูแลได้ 
อย่างไรก็ตามหากในระหว่างนี้ผู้ติดเชื้อมีอาการเพิ่มมากขึ้นก็จะส่งข้อมูลต่อให้กับ สปสช.เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ