ยังไม่ชงคกก.โรคติดต่อแห่งชาติปรับ “โควิด-19” เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง 

ยังไม่ชงคกก.โรคติดต่อแห่งชาติปรับ “โควิด-19” เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง 

ยังไม่ชงคกก.โรคติดต่อแห่งชาติพิจารณาปรับ “โควิด-19”จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง  เห็นชอบยกเลิกเขตติดโรคโควิดนอกราชอาณาจักรทั้งหมด เดินทางเข้าไทยสะดวกขึ้น พร้อมยก “ฝีดาษวานร”เป็นโรคติดต่อต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 56

     เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า  ที่ประชุมมีการหารือใน 4 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1.เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรี่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคโควิด-19  อาทิ ประเทศลาว เมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา เพื่อให้การเข้าออกประเทศได้สะดวกขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์โรค ซึ่งปัจจุบันมีการผ่อนคลายมาตรการให้คนเข้าประเทศไทยได้มากขึ้นแล้ว 

     2.เห็นชอบ กำหนดให้โรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อต้องเฝ้าระวังลำดับที่ 56  โดยให้ชื่อทางการว่าโรคฝีดาษวานร  โดยมีอาการสำคัญ คือ ไข้ ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองบวมโต  เจ็บคอ มีผื่น มีตุ่มผิวหนัง  ลักษณะตุ่มเป็นตุ่มหนอง หรือแผล อาจจะเกิดที่ศีรษะ ลำตัว อวัยวะเพศ รอบทวารหนัก บางตุ่มมีที่ฝ่าฝือฝ่าเท้าได้  รวมถึง กำหนดนิยามเฝ้าระวังเกี่ยวกับโรคฝีดาษวานร

     3.รับทราบสถานการณ์โรคโควิด-19 และฝีดาษวานร  โดยการเปิดเทอมไม่กระทบต่อการเพิ่มผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยอาการหนัก  ส่วนการเปิดผับบาร์ สถานบันเทิง  ซึ่งหลังเปิดมา 6 วัน  ยังไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติ แต่จะต้องติดตามอีก 2-3 สัปดาห์เพื่อดูว่าส่งผลกระทบต่อการติดเชื้ออย่างไรหรือไม่

     และ4.เห็นชอบและให้ข้อเสนอแนะเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ที่ควบคุมได้ค่อนข้างดี แต่จะต้องดูตามสถานการณ์อีกระยะ ในการพิจารณาต่อเรื่องมาตรการคัดกรองรวมถึงการป้องกันส่วนบุคคล รวมเรื่องใส่หน้ากากอนามัย ที่ประชุมมีการอภิปรายเรื่องนี้มาก แต่ไม่ได้มีข้อสรุป แปลว่าให้ใช้ต่อไปก่อน แต่ให้ติดตามอีกระยะและให้ศบค.พิจารณาร่วมกับสธ.อีกครั้ง ซึ่งศบค.จะมีการประชุมครั้งต่อไปราวสัปดาห์หน้า 
     ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีการพิจารณาปรับโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อต้องเฝ้าระวังหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ยังไม่มีการเสนอเรื่องนี้เพื่อพิจารณา เนื่องจากยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปก่อน  โดยดูทั้งข้อมูลสถานการณ์โรค สถานการณ์เตียง  ความรับรู้ประชาชน ต่างประเทศ ซึ่งดูหลายเรื่องไม่ได้ดูเรื่องใดเรื่องหนึ่ง