แพทย์ผิวหนังเตือนฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ อันตรายถึงชีวิต

แพทย์ผิวหนังเตือนฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ อันตรายถึงชีวิต

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง เตือนฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ที่พบไม่บ่อย แต่อันตรายถึงชีวิต มีรังโรคอยู่ในสัตว์ตระกูลฟันแทะและติดต่อไปยังสัตว์อื่น ในตระกูลลิงไม่มีหาง กระต่าย กระรอกดิน พร้อมแนะวิธีป้องกันและการรักษาที่ถูกต้อง

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า รายงานสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสฝีดาษลิงที่กำลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร มีแนวโน้มกำลังระบาดในยุโรปแล้ว พบผู้ติดเชื้อไวรัสฝีดาษในโปรตุเกส 6 ราย ในขณะที่ยังมีผู้ป่วยอีกกว่า 12 ราย ที่อยู่ระหว่างการตรวจวินิจฉัยว่าจะติดเชื้อฝีดาษลิงหรือไม่     

 

การระบาดของเชื้อไวรัสฝีดาษลิง

มีลักษณะการติดต่อแบ่งเป็นจากสัตว์สู่มนุษย์  พบว่าสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสทางผิวหนัง หรือเยื่อเมือกเช่น จมูก ปาก หรือตา กับสัตว์ที่ป่วยเป็นโรค สารคัดหลั่ง เลือด ผิวหนัง หรือ การนำซากสัตว์ป่วยมาปรุงอาหาร รวมทั้งการถูกสัตว์ป่วย ข่วน กัด หรือสัมผัส เครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อจากสัตว์นั้น

ติดต่อจากคนสู่คน โรคฝีดาษลิงที่ต้องเฝ้าระวัง

ส่วนการติดต่อโรคฝีดาษลิงจากมนุษย์สู่มนุษย์ทางหลักติดต่อผ่านละอองฝอยทางการหายใจขนาดใหญ่ จากการอยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะประชิด การสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย การสัมผัสเลือด หรือรอยโรคที่ผิวหนัง หรือ ของใช้ส่วนตัวที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย หลังได้รับเชื้อโรคนี้มีระยะฟักตัว 7 - 14 วัน หรืออาจนานได้ถึง 21 วัน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า

อาการเริ่มต้น

  • จะเริ่มต้นจากอาการมีไข้
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย
  • ต่อมน้ำเหลืองโต

แพทย์ผิวหนังเตือนฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ อันตรายถึงชีวิต

ข้อแตกต่างระหว่างฝีดาษลิงและฝีดาษคือ

ฝีดาษ จะไม่มีอาการต่อมน้ำเหลืองโตเช่นเดียวกับในฝีดาษลิง

ฝีดาษลิง ภายใน 1 – 3 วัน หลังจากมีอาการดังกล่าว  จะเริ่มมีผื่นขึ้นโดยเริ่มมีผื่นบริเวณใบหน้าแล้วลามไปที่ผิวหนังส่วนอื่น จากผื่นจุดแดง นูนขึ้นเป็นตุ่ม แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำ และตุ่มหนอง และแตกออกเป็นสะเก็ดในที่สุด

การดำเนินโรคจะใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ โดยประมาณโดยมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 10 %

แนะวิธีป้องกัน และรักษาที่ถูกต้อง เมื่อเป็นโรคฝีดาษลิง

โดยมีสาเหตุจากภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในปอด การขาดน้ำและภาวะสมองอักเสบ การตรวจทางห้องปฏิบัติการใช้การตรวจด้วยวิธี PCR ของเหลวจากตุ่มน้ำที่ผิวหนัง รักษาโดยให้ยาต้านไวรัส cidofovir , Tecovirimat, brincidofovir การป้องกันปัจจุบันมีวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง   ในสหรัฐอเมริกา คือ JYNNEOS

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวถึง สำหรับการป้องกันเบื้องต้นสำหรับประชาชนทั่วไป แนะนำให้ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือ แอลกอฮอล์เจล งดรับประทานของป่า หรือปรุงอาหารจากสัตว์ป่า หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าที่มาจากพื้นที่เสี่ยง หรือสัตว์ป่าป่วย และหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ที่มีประวัติมาจากพื้นที่เสี่ยงและมีอาการ

กรณีที่พบผู้สงสัยว่าจะติดเชื้อฝีดาษลิง

  • แนะนำให้แยกผู้ป่วย ป้องกันระบบทางเดินหายใจของผู้ใกล้ชิด
  • นำส่งสถานพยาบาลที่สามารถแยกกักตัวผู้ป่วยได้  
  • หลีกเลี่ยงการเลี้ยง หรือนำเข้าสัตว์ป่าจากต่างประเทศที่ไม่ทราบประเทศต้นทาง