สรุป 1 พ.ค. นี้ ศบค. "ผ่อนคลายมาตรการโควิด-19" อะไรบ้าง?

สรุป 1 พ.ค. นี้ ศบค. "ผ่อนคลายมาตรการโควิด-19" อะไรบ้าง?

สรุป 6 การผ่อนคลายมาตรการ "โควิด-19" ที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 1 พ.ค. 65 ปรับพื้นที่ควบคุมโรคเหลือแค่สีฟ้าและสีเหลือง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึงเที่ยงคืน ลดวันกักตัวเหลือ 5+5 วัน ยกเลิก Test & Go และเปิดเรียน On-site

หลังจากการประชุม "ศบค.ชุดใหญ่" เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 65 มีการเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการโควิดต่างๆ หลายมาตรการที่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของประชาชนในภาพรวม

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงรวบรวมข้อมูลตามมติที่ประชุมดังกล่าว เพื่ออัปเดตให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วง 1 พ.ค. 65 เป็นต้นไป ดังนี้

 

 1. ปรับระดับพื้นที่ของโรคโควิด19 ทั่วประเทศ เหลือแค่พื้นที่สีเหลืองและสีฟ้า 

สำหรับการปรับพื้นที่ควบคุมโรคล่าสุด ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค. 65 จะแบ่งออกเป็น พื้นที่สีฟ้า นำร่องท่องเที่ยว 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กระบี่ กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง และสงขลา

 

 2. ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึงเที่ยงคืนทั่วประเทศ 

การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารสามารถทำได้ไม่เกิน 24.00 น. ทั้งพื้นที่สีฟ้าและพื้นที่สีเหลือง แต่ยังคงจำเป็นต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น และตามมาตรการ COVID free setting 

โดยคงมาตรการสำหรับสถานบริการ สถานประกอบการคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะให้ผู้ประกอบการ เปิดดำเนินการในรูปแบบร้านอาหารได้ตามมาตรการที่กำหนด โดยขออนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด/กทม.ได้ เมื่อมีความพร้อมโดยไม่กำหนดระยะเวลา

 3. ลดวันกักตัวเหลือ 5+5 

ลดวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงกับผู้ป่วย/ผู้ติดโควิด19 เป็นกักตัว 5 วัน และสังเกตอาการอีก 5 วัน พร้อมทั้งตรวจหาเชื้อด้วย ATK 

 

 4. การจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม 

การจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม พื้นที่สีเหลือง ห้ามรวมคนมากกว่า 1,000 คน และพื้นที่สีฟ้าตามความเหมาะสม กรณีเกินจำนวนให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. พิจารณา ทั้งนี้ สามารถดำเนินกิจกรรม/กิจการได้ปกติเกือบทั้งหมด แต่จำกัดเวลา

 5. ยกเลิกระบบ Test & go คลายเงื่อนไขเข้าประเทศ 

ศบค. เห็นชอบยกเลิกระบบ Test and go ให้เหลือเพียงกลุ่มที่ได้รับวัคซีนและไม่ได้รับวัคซีน โดยการปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าประเทศไทย สำหรับผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และผู้ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ เริ่ม 1 พ.ค. 65 

1. ระบบการลงทะเบียน ผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ผ่านระบบThailand Pass เพื่อแสดงหลักฐานวัคซีนและประกันภัย, ผู้ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ ผ่านระบบ Thailand Pass เพื่อแสดงหลักฐานการจองห้องพัก (AQ) และประกันภัย

2. ประกันภัย วงเงินประกันภัย หรือประกันในรูปแบบอื่นๆ จำนวน 10,000 ดอลลาร์ 

3. ปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อ เมื่อมาถึงและระหว่างพำนัก  ผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ยกเลิกการตรวจเมื่อมาถึง แนะนำให้ตรวจ ATK ด้วยตนเอง ระหว่างพำนัก

หากพบเชื้อ ให้เข้ากระบวนการตามประกันภัย หรือตามความรับผิดชอบส่วนบุคคล, ผู้ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ สามารถยื่นหลักฐานผลตรวจ RT-PCR  ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางถึงประเทศไทย และลงทะเบียนแสดงหลักฐานดังกล่าวในระบบ Thailand Pass ก็จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ หรือกักตัวตามระบบ AQ โดยตรวจ RT-PCR วันที่ 4-5

ทั้งนี้ แนะนำให้ตรวจ ATK ด้วยตนเอง ระหว่างพำนัก หากพบเชื้อให้เข้ากระบวนการตามประกันภัย หรือตามความรับผิดชอบส่วนบุคคล

4. กรณีเป็นผู้เสี่ยงสูง ผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์  และผู้ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ กักตัว 5 วัน บวกกับการสังเกตอาการ 5 วัน หรือ 5+5 โดยแนะนำให้ตรวจ ATK วันที่ 5 และ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ

 

 6. เปิดเรียนแบบ On-Site 

ที่ประชุมรับทราบจากสธ.และกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) และเห็นชอบ เรื่องมาตรการเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 เพื่อให้เปิดเรียน On-site อย่างปลอดภัย ประกอบด้วย

1. สถานศึกษาประเมินตนเองเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ผ่านTSC+

2. นักเรียนอายุ 12-17 ปี ได้รับวัคซีนโควิด19  เข็มกระตุ้น (เข็ม3) ผ่านระบบสถานศึกษาและเร่งฉีดวัคซีนโควิด19 ในเด็กอายุ 5-11 ปี ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก

3. นักเรียน ครู บุคลากร ปฏิบัติตามมาตรการ 6-6-7 อย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก 100 % ล้างมือ ตรวจหาเชื้อด้วย ATK เมื่อมีอาการหรือเสี่ยง หลีกเลี่ยงรวมกลุ่มกัน

4. กรณีนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด 

------------------------------------------

อ้างอิง: มติ ศบค. ชุดใหญ่ (22 เม.ย. 65)