เอสติม่าฯลดเสี่ยงลงทุนหันรุกบ้านหรูสเกลเล็ก

เอสติม่าฯลดเสี่ยงลงทุนหันรุกบ้านหรูสเกลเล็ก

เอสติม่า แอสเสท พลิกวิกฤติเป็นโอกาสรับดีมานด์อสังหาฯ หรูพุ่ง เจาะโครงการขนาดเล็ก ราคา 7-15 ล้าน ปักหมุดย่านลำลูกกา-พหลโยธิน พร้อมจ่อรุกลงทุนภูเก็ต

นายกฤช พรหมสุทธิ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสติม่า แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจจะเผชิญวิกฤติต่างๆ จากภายนอกและภายในประเทศ สร้างความกังวลและความท้าทาย แต่ทุกวิกฤติ มีโอกาสเสมอ และทุกความท้าทายมีโอกาสในการพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ 

“การที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็ก ที่มีความเชื่อและแนวคิดที่แตกต่าง พร้อมที่จะสรรหาและพัฒนาโปรดักส์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ที่สำคัญเป็นการลดความเสี่ยง”

ทั้งนี้ หลังจากบริษัทเปิดตัวโครงการ “อาคิน วิภาวดี” เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 420 ล้านบาท ราคาเริ่ม 12.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาบนแลนด์แบงก์ของครอบครัวในย่านถนนวิภาวดีรังสิต ซอยวิภาวดี 84 บนเนื้อที่โครงการกว่า 5 ไร่

 

โดยพัฒนาเป็นบ้านแฝด 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 32 หลัง ที่ดินบ้านเริ่มต้น 36.7-44.6 ตร.ว. มีพื้นที่ใช้สอย 270 ตร.ม. ฟังก์ชันบ้าน ขนาด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย สวนสาธารณะ กล้องวงจรปิด CCTV 40 ตัว รั้วโครงการสูง 6 เมตร มีความเป็นส่วนตัวพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รองรับกลุ่มลูกค้าผู้บริหารระดับกลาง-บน ซึ่งระยะเวลาเดือนกว่าสามารถทำยอดขาย 30% 

 ดังนั้นเป็นแนวทางการทำตลาด โดยแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ช่วง  1-2 ปีนี้ (2565-2566) เน้นการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่รูปแบบขนาดเล็กบนที่ดินไม่เกิน 10 ไร่ มูลค่าไม่เกิน 400-500 ล้านบาท 

ส่วนแผนงานระยะกลางถึงระยะยาวช่วง 3-5 ปีขึ้นไปนับตั้งแต่ปี 2567 ขนาดของโครงการจะใหญ่ขึ้นทั้งในแง่มูลค่าและขนาดของที่ดินที่จะนำมาพัฒนา รวมถึงรูปแบบการพัฒนาจะขยายจากที่อยู่อาศัยแนวราบสู่ที่อยู่อาศัยแนวสูงประเภทคอนโดมิเนียม Low Rise และพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูส (Mixed Use)

  โดยได้วางแผนเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในปีหน้า 2-3 โครงการระดับราคา 7-15 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่ง  2 โครงการแรกเป็น “แลนด์แบงก์” ของครอบครัว ย่านลำลูกกาเนื้อที่ 5 ไร่ และ ย่านพหลโยธิน เนื้อที่ 12 ไร่ ส่วนอีก 1 โครงการจะอยู่ที่ภูเก็ต ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดิน 

 “การจับตลาดเซ็กเมนต์ระดับราคา 7-15 ล้านบาท เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มบ้านเซ็กเมนต์ที่ระดับต่ำกว่า 3-5 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจ ขณะที่กลุ่มที่มีขีดความสามารถซื้อบ้านในราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาทขึ้นไปนั้น เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่แล้วหากมีสินค้าตรงใจ"

บริษัทมีแผนขยายการลงทุนยังจังหวัดภูเก็ต นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงจากการเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักและเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับมาแล้ว แม้จะยังไม่คึกคักมากเมื่อเทียบช่วงก่อนมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตามแต่เป็นตลาดแห่งอนาคต