เฟรเซอร์สฯชู6เสาหลักESGพลิกเมืองตาม“เศรษฐกิจพอเพียง”
เฟรเซอร์สฯ ชูหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” นำไทยสู่ความยั่งยืนระดับโลก ตั้งเป้า Net-zero 2050 กาง 6 เสาหลัก ESG โชว์เคสพื้นที่ 2.94 ล้าน ตร.ม. ย่านพระราม 4
นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด กล่าวว่า ไทยต้องเดินไปบนเส้นทางเดียวกันกับโลก ตามกรอบเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ โดยสิ่งสำคัญคือการออกแบบเมืองที่ลดช่องว่างเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตจริง
“การสร้างความยั่งยืนต้องยืนอยู่บนหลัก ‘พอเพียง’ ซึ่งเกิดจากสมการ Sustainability + Risks = Sufficiency หากเราลงทุนอย่างพอดีกับการดูแลทรัพยากร ธรรมชาติก็จะฟื้นสมดุลได้เอง แต่ถ้าลงทุนน้อยเกินไป เมืองจะต้องจ่ายต้นทุนที่สูงขึ้นในอนาคต”
ทั้งนี้ เฟรเซอร์สฯ ใช้หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเมืองเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน โดยมองว่า “ความยั่งยืน+ความเสี่ยง" เป็นความพอเพียงที่พอดีการบริการจัดการที่ดีเป็นพื้นฐานทั้งหมดเพราะส่วนใหญ่ธรรมชาติจะบาลานซ์ตัวเอง
จะเห็นว่าปีนี้ถูกระบุว่าเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.55°C ส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพทรุดตัวอย่างรวดเร็ว สัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์เพิ่มอีก 18% พืชอีก 16% และแนวปะการังอาจหายไปถึง 99%
หากสถานการณ์เพิ่มขึ้นเพียง 2% จากปัจจุบัน ทำให้เฟรเซอร์ส ฯ วางเป้าหมาย ESG (Environment, Social, และ Governance) เดินสู่ Net-zero Carbon ปี 2050 ด้วยแนวคิดที่ยึดหลักวิทยาศาสตร์ และสร้างความร่วมมือทั้งซัพพลายเชน
วางเป้าหมาย 6 เสาหลัก ESG
โดย 6 แนวทางด้าน ESG ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ประกอบด้วย 1.DECARBONISATION ลดการปล่อยคาร์บอน 100% ของพื้นที่ก่อสร้างใหม่ (ตาม GFA) และ 85% ของทรัพย์สินที่เป็นเจ้าของหรือบริหารจัดการได้รับการรับรองอาคารเขียวหรืออยู่ระหว่างการขอรับรองภายในปี 2030
2.RENEWABLE ENERGY ติดตั้งกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน 215 MW ภายในปี 2030 ปัจจุบันติดตั้งระบบโซลาร์กว่า 32 MW และมีแผนขยายการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมและโครงการที่อยู่อาศัย
3.CLIMATE RESILIENCE ความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ ใช้แพลตฟอร์มวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศระดับกลุ่มเพื่อระบุ ประเมิน และบริหารความเสี่ยงดำเนินการเสร็จสมบูรณ์
“เราได้จัดทำการวิเคราะห์ Climate Value at Risk และกำลังพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อบริหารความเสี่ยง รวมถึงเสริมสร้างแผนการปรับตัวและบรรเทาผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ”
4.RESPONSIBLE SOURCING การจัดหาที่รับผิดชอบ สร้างการมีส่วนร่วมกับ 75% ของซัพพลายเออร์ตามมูลค่าใช้จ่าย ให้ปฏิบัติตามนโยบาย Responsible Sourcing ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ทั้งซัพพลายเชน และขยายความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ เพิ่มความตระหนักด้าน ESG ผ่านนโยบายและกิจกรรม เช่น โปรแกรมอีเลิร์นนิง เพื่อจัดการของเสียดีขึ้น
5.GREEN CERTIFICATIONS มุ่งบรรลุเกณฑ์การรับรองอาคารเขียวในทุกโครงการพัฒนา เพื่อสนับสนุนธุรกิจและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และ 6.NATURE พัฒนาเฟรมเวิร์กในการประเมินและจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงและโอกาสด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
กรุงเทพฯ เมืองใหญ่ที่“ร้อน”ทั้งอากาศและปัญหา
ตามนิยามของยูเอ็น กรุงเทพฯ เป็น Mega City ที่มีประชากรเกิน 10 ล้านคน แต่กลับติดอันดับเมืองที่มีความเสี่ยงด้านน้ำและปัญหาสิ่งแวดล้อมสูงอันดับ 4 ของโลก ที่มีปัญหาทั้งฝุ่น PM2.5 การจราจร และโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่รองรับการเติบโต ทำให้เมืองยังไม่น่าอยู่เท่าที่ควร แม้จะเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากสูง
นายปณต ระบุว่า กรุงเทพฯ ยังมี “โอกาส” โดย เฟรเซอร์สฯ ได้พัฒนาโครงการไล่ตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน 5 สถานีย่านพระราม 4 ให้เป็น ศูนย์กลาง Mixed Mobility + Smart Data รองรับผู้ใช้งานกว่า 500,000 คนต่อวัน มีโครงการมีพื้นที่รวม (GFA) 2.94 ล้าน ตร.ม. มูลค่าทรัพย์สินกว่า 152,061 ล้านบาท และพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวมกว่า 730,000 ตร.ม.ทั้งสำนักงาน ค้าปลีก และศูนย์แสดงสินค้า
“โครงการของเราจะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มขีดแข่งขันของประเทศ ผ่านมาตรการการบริหารอาคารสำนักงานทัดเทียมต่างประเทศมาตรการความปลอดภัยการก่อสร้างและการบริหารที่ยั่งยืน”