"ชีวาทัย"ปรับแผนธุรกิจเดินหน้าลดหนี้-ปั้นโครงการใหม่

ในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไร้สัญญาณฟื้นตัว ธุรกิจอสังหาฯ ต้องตั้งรับด้วยความรัดกุม "ชีวาทัย" ปรับกลยุทธ์เดินเกมระยะยาว สร้างสมดุลระหว่างรายได้-หนี้สิน พร้อมปักหมุดพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพ หวัง “บ้าน” ยังเป็นปัจจัยสี่ที่คนไทยไม่อาจละเลย

ทบทวนแผนธุรกิจรับมือพายุเศรษฐกิจ

ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจซบเซา การจับจ่ายที่ชะลอตัว นโยบายดอกเบี้ยสูง และเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่กระทบความเชื่อมั่นอย่างกว้างขวาง บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA บุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ ยอมรับว่าสถานการณ์ปี 2568 เป็นปีที่ “ท้าทายที่สุด” สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

“แม้รัฐบาลจะเริ่มมีมาตรการกระตุ้นในไตรมาส 2 แต่ยังไม่เพียงพอต่อการดึงตลาดให้พลิกกลับได้ในระยะสั้น” นายบุญวิเคราะห์ตรงไปตรงมา

ปัจจัยหลักที่บีบภาคอสังหาฯ หนีไม่พ้นเรื่อง การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการโอนกรรมสิทธิ์ แม้บางโครงการจะมียอดขายสะสมดี แต่กลับไม่สามารถปิดยอดได้ทัน เพราะลูกค้าไม่ผ่านเครดิต
 

กลยุทธ์ ตั้งรับอย่างมียุทธศาสตร์

ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจ CHEWA ไม่เลือกเสี่ยงเดินหน้าแบบหว่านแห แต่หันมาเน้นยุทธศาสตร์ระยะยาว เจาะเฉพาะ “กลุ่มเป้าหมาย” และ “ทำเลเด่น” พร้อมควบคู่ไปกับการลดภาระทางการเงิน

โดยยังคงโฟกัสที่ คอนโดมิเนียมระดับกลาง ราคา 2-4 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์หลัก Chewathai Hallmark ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทได้ขยับเข้าซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ใน 2 ทำเลเด่น แจ้งวัฒนะ 15 และ พหลโยธิน 50 รวมในแผนซื้อที่ดินทั้งหมด 4 แปลง มูลค่ารวมกว่า 2,395 ล้านบาท

ควบคู่กันนั้น ยังเดินหน้าเจรจาเข้าซื้อโครงการระหว่างก่อสร้าง เพื่อเร่งรับรู้รายได้ทันปี 2568 ตามเป้า 2,000 ล้านบาท และขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดจากแกนหลัก เช่น ธุรกิจบ้านมือสอง ภายใต้แบรนด์ Chewa Renue รวมถึงธุรกิจนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นแหล่ง รายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มเติมในอนาคต

ลดยอดหนี้-เพิ่มสภาพคล่อง 

อีกด้านหนึ่งของสมการความมั่นคง บริษัทฯ กำลังเร่งลดภาระหนี้อย่างต่อเนื่อง จากยอดหุ้นกู้รวม 220 ล้านบาท ในไตรมาสแรกปีนี้ได้ชำระคืนไปแล้วกว่า 170.95 ล้านบาท และยังตั้งเป้าลดต่ออีก 50 ล้านบาทภายในปีนี้

"นอกจากจะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยได้มากแล้ว ยังทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง สภาพคล่องดีขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเติบโตที่ยั่งยืน" นายบุญกล่าว

ชีวาทัยยังเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด “Enhancing Sustainability through Artificial Intelligence” โดยเปิดตัว CHEWA AI เป็นระบบสนับสนุนการสื่อสารกับนักลงทุนรายแรกในประเทศไทย รวมถึงวางแผนใช้ AI พัฒนาองค์กรในมิติต่างๆ ทั้งด้านต้นทุน คุณภาพสินค้า และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

ผลประกอบการ “ฟื้นช้า” 

แม้รายได้รวมไตรมาส 1/2568 จะลดลงเหลือ 159.6 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 70% ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 45.24 ล้านบาท แต่ชีวาทัยยังเดินหน้าตามแผน

รายได้หลักยังคงมาจากคอนโดในระดับกลาง เช่น โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 และ ปิ่นเกล้า โดยเฉพาะโครงการเก่าอย่าง ชีวาทัย เกษตร–นวมินทร์ ที่ขายหมดไปแล้ว ส่วนแนวราบยังมีโครงการอย่าง ชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุม และ รังสิต-ปทุม ที่ทยอยรับรู้รายได้ แม้การอนุมัติสินเชื่อจะชะลอแผนไปบางส่วน

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากโครงการร่วมทุน เช่น ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค เอกมัย-รามอินทรา มูลค่า 1,014 ล้านบาท ร่วมกับยักษ์ใหญ่อสังหาฯ จากญี่ปุ่น Nippon Steel Kowa Real Estate ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้ รวมถึงธุรกิจโรงงานให้เช่าในนิคมอมตะนครที่มีแนวโน้มเติบโตดี

ภายใต้ความท้าทายรอบด้าน ชีวาทัยเลือกที่จะไม่แค่ “อยู่รอด” แต่ “ปรับตัวเพื่อยั่งยืน” ผ่านการเลือกพัฒนาสินค้าที่ใช่ ควบคุมต้นทุนอย่างชาญฉลาด ปรับโครงสร้างหนี้อย่างมีเป้าหมาย และเสริมศักยภาพด้วยเทคโนโลยีเพราะแม้ตลาดอสังหาฯ จะยังรอจังหวะกลับตัว แต่สำหรับชีวาทัย วันนี้ไม่ใช่การ “หยุดรอ” แต่คือการ “เตรียมพร้อม” อย่างรอบคอบ