เทรนด์บ้านหรูโตสวนกระแส ไม่แคร์เศรษฐกิจทรุดจับกลุ่มHNWI

ในขณะที่สัญญาณเศรษฐกิจโดยรวมยัง"เปราะบาง"ผู้บริโภคส่วนใหญ่"ชะลอ"การใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง แต่กลับมีตลาดหนึ่งที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนกระแสอย่างไม่แยแสภาวะถดถอยใด ๆ นั้นก็คือตลาด “บ้านหรู” หรืออสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี ท่ามกลางความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา

บ้านหรู จึงกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการอสังหาฯ ที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างพาเหรดเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นสินค้าที่มีราคาสูงและมีจำนวนจำกัด เพราะกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ผู้บริโภคทั่วไป แต่คือ “กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง” หรือ High Net Worth Individuals (HNWI) ที่มองว่าบ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่คือการลงทุนระยะยาว และสะท้อนสถานะทางสังคม

“บ้านหรูไม่ได้ขายแค่โครงสร้างหรือพื้นที่ แต่คือการขาย ภาพลักษณ์ ประสบการณ์ชีวิต และ คุณค่าทางจิตใจ ”

แม้คำว่า “ลักชัวรี” จะเคยจำกัดความอยู่แค่กระเป๋าแบรนด์เนม หรือรถยนต์ซูเปอร์คาร์ แต่วันนี้ ได้แทรกซึมเข้าสู่อสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว บ้านระดับ Ultra-luxury ที่ตั้งอยู่ในทำเลหายาก เช่น ใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิท สาทร หรือย่านสีเขียวเงียบสงบในเขตนอกเมือง กลายเป็น “Rare Item” ที่ผู้มีฐานะพร้อมควักกระเป๋าในทันที หากถูกใจ

หลายคนยอมจ่ายหลักร้อยล้านบาท ไม่ใช่เพราะจำเป็นต้องมีบ้านหลังใหม่ แต่เพราะพวกเขา “พอใจ” ที่จะเป็นเจ้าของ  ในรูปแบบของการลงทุนที่มีมูลค่าเพิ่มสูงในระยะยาว หรือกระทั่งเป็นมรดกส่งต่อถึงรุ่นลูกรุ่นหลานได้

ไม่ใช่แค่ทำเลทอง...แต่ต้องครบสูตรลักชัวรี

อย่างไรก็ตามการพัฒนาโครงการบ้านหรูในวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของทำเลอีกต่อไป แต่ต้องมี “องค์ประกอบเชิงคุณภาพ” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น

• ความเป็นส่วนตัวในระดับสูง
• เพื่อนบ้านที่มีมาตรฐานคล้ายกัน
• สิ่งแวดล้อมดี อากาศสะอาด วิวธรรมชาติ
• ความสะดวกสบายจากสาธารณูปโภคที่ครบครัน ทั้งใกล้โรงเรียนอินเตอร์ โรงพยาบาลเอกชนระดับพรีเมียม ไปจนถึงคอมมูนิตีมอลล์ ร้านกาแฟ และคลับฟิตเนส
• ขนาดโครงการที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยจำนวนยูนิตราว 40–60 หลังต่อโครงการ ถือเป็น Sweet Spot ที่ทำให้เกิดความรู้สึกมีคอมมูนิตี้ แต่ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวสูง

“Young Successor” เจเนอเรชันใหม่ ขับเคลื่อนดีมานด์

ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ การขยายตัวของกลุ่ม “New Wealth” และ “Young Successor” หรือทายาทรุ่นใหม่ของกลุ่มธุรกิจใหญ่ ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดนี้มากขึ้น พวกเขาไม่ได้ซื้อบ้านแค่เพื่ออยู่ แต่ยังมองหางานดีไซน์ที่ตอบโจทย์ตัวตน ฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น และคุณภาพการก่อสร้างระดับ Masterpiece ซึ่งตอบสนองทั้งอารมณ์และเหตุผลในเวลาเดียวกัน

โอกาสทองของผู้ประกอบการ

แม้ตลาดนี้จะเล็กในเชิงปริมาณ แต่กลับให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ หากผู้พัฒนาเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มนี้ และสามารถออกแบบโครงการให้ “นั่งในใจ” ลูกค้าได้

เพราะในโลกของคนมั่งคั่ง “ราคา” ไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่พวกเขาเห็นคุณค่าและในวันที่เศรษฐกิจผันผวน ตลาดแมสมืดหม่น แต่ตลาดบ้านหรูกลับยังสดใสไม่เสื่อมมนต์ และพร้อมจะเติบโตต่อเนื่อง ด้วยแรงขับจากอารมณ์ สถานะ และการลงทุนระยะยาวที่จับต้องได้จริง