อนาบูกิ กรุ๊ปลงทุน2พันล้านใน5ปี จ่อผุดคอนโดโลว์ไรส์เจาะสูงวัย

อนาบูกิ กรุ๊ป ยักษ์อสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่นเล็งลงทุนไทย2พันล้านใน5ปี จ่อผุดคอนโดโลว์ไรส์ รุกเจาะสูงวัยตามเทรนด์
ยุทธศาสตร์ระยะยาวของ “อนาบูกิ กรุ๊ป” หนึ่งในกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น วันนี้ไม่ได้มองไทยเป็นเพียงตลาดปลายทาง แต่เป็นฐานยุทธศาสตร์การขยายตัวทั่วภูมิภาค ด้วยน้ำหนักการลงทุนกว่า 70% ของรายได้ต่างประเทศที่ไหลกลับเข้าเครือจากตลาดไทย
มาซาอากิ คากะวะ กรรมการ บริษัท อนาบูกิ กรุ๊ป กล่าวว่า การเติบโตของตลาดไทยไม่ได้มาจากศักยภาพทางเศรษฐกิจและความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น หากแต่ยังมาจากความเชื่อมั่นในพันธมิตรท้องถิ่น ธนาสิริ กรุ๊ป ที่ช่วยเปิดประตูและสร้างความเข้าใจลึกซึ้งในพฤติกรรมผู้บริโภคไทย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ อนาบูกิ กรุ๊ป และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นจำนวนมากหันมามองตลาดต่างประเทศมากขึ้น ก็คือ ภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่อยู่ในภาวะ “ชะลอตัว” ต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญกับปัญหาทั้งอัตราการเกิดต่ำ ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น และอุปสงค์ในประเทศที่หดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
“ญี่ปุ่นวันนี้ ไม่ใช่ตลาดที่เติบโตเหมือนในอดีต เราจึงต้องมองหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพจริง ซึ่งประเทศไทยมีองค์ประกอบครบ ทั้งการเติบโตของเมือง โครงสร้างพื้นฐาน และกำลังซื้อของชนชั้นกลาง-บนที่ชัดเจนมาก”
จากจุดเริ่มต้นการลงทุนเมื่อ 5 ปีก่อน การร่วมทุนระหว่าง อนาบูกิ กรุ๊ป และ ธนาสิริ กรุ๊ป ภายใต้ชื่อ บริษัท อนาบูกิ ธนาสิริ (ประเทศไทย) กลายเป็นเรือธงในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเจาะกลุ่มตลาดกลางถึงบน ตอบโจทย์คนเมืองที่ต้องการทั้งฟังก์ชันและความน่าเชื่อถือ
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัท เปิดตัวโครงการมูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท และยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ปี 2568 เตรียมเปิดตัว “อนาบูกิ ธนาเรสซิเดนซ์ กาญจนาภิเษก-พระราม 9” เจาะลูกค้าระดับบน โดยเลือกทำเลศักยภาพย่านกรุงเทพฯ ตะวันออก ซึ่งกำลังเติบโตต่อเนื่อง เป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยหรูหราพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน
อนาบูกิ กรุ๊ป ซึ่งถือกำเนิดเมื่อปี 2517 และเพิ่งฉลองธุรกิจครบ 60 ปี เมื่อปี 2567 แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 แกนหลัก คือ ANABUKI KOSAN Group เน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ ANABUKI HOUSING Group บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันเครืออนาบูกิประกอบด้วยบริษัทในเครือ 58 บริษัท จะขยายเครือข่ายไปให้ถึง 200 บริษัทในต่างประเทศภายในปี 2065
เมื่อพิจารณาสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศในปัจจุบัน พบว่า ไทยคือแหล่งรายได้หลักถึง 70% ขณะที่อินโดนีเซีย เวียดนาม และสหรัฐ มีสัดส่วนละ 10% เท่านั้น ตอกย้ำว่า อนาบูกิไม่เพียงแค่ขยายฐานออกนอกประเทศ หากแต่กำลังย้ายสมรภูมิหลักมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อนาบูกิยังเตรียมต่อยอดโครงการจากแนวราบไปสู่คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ใกล้รถไฟฟ้าในปี 2569 ตอบรับกับเทรนด์เมืองและสังคมผู้สูงวัย เริ่มจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนขยับไปยังหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต ในอนาคต มีเป้าหมายการลงทุน 5 ปีข้างหน้าคาดใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท
"ไทยจะเป็นศูนย์กลางในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมียังดีมานด์ที่อยู่อาศัยสูงเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัว การลงทุนในประเทศไทยจึงไม่ใช่แค่โอกาสทางธุรกิจ หากคือแผนยุทธศาสตร์การเอาตัวรอด ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นเริ่มนำมาใช้มากขึ้น"
และอนาบูกิ กรุ๊ป เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า... เมื่อภูมิประเทศไม่เอื้อ ก็ต้องกล้าเปลี่ยนเกม!







