‘คุณภาพ-ความปลอดภัย’ ปัจจัยเลือกคอนโดยุคใหม่!หลังอาฟเตอร์ช็อก

‘คุณภาพ-ความปลอดภัย’  ปัจจัยเลือกคอนโดยุคใหม่!หลังอาฟเตอร์ช็อก

เหตุการณ์ “แผ่นดินไหว” และอาฟเตอร์ช็อกที่ตามมา! ได้เปลี่ยนความคิดการเลือกซื้อคอนโดจากทำเล ราคา สิ่งอำนวยความสะดวกเป็น “คุณภาพ“ และ ”ความปลอดภัย”มากขึ้น

สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวว่า แผ่นดินไหวล่าสุดสะเทือนตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยนั้นได้สะท้อนถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมทั้งด้านการออกแบบโครงสร้าง และการป้องกันภัยพิบัติในอาคารที่พักอาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม การตรวจสอบและเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับการรองรับแผ่นดินไหวของอาคารจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

การเลือกซื้อหรือพิจารณาคอนโดมิเนียมต่อจากนี้ ผู้บริโภคจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลัก 3 ประการที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ได้แก่ Quality & Safety  ไม่ใช่แค่มีมาตรฐานการก่อสร้างที่ดี แต่ยังต้องคำนึงถึงการรองรับแผ่นดินไหว การมีการตรวจสอบโครงสร้างอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่รองรับภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

Design การออกแบบที่ไม่เพียงสวยงามแต่ต้องคำนึงถึงหลักธรรมชาติ เช่น การให้ความสำคัญกับการระบายอากาศที่เหมาะสม การมีพื้นที่เปิดโล่งสามารถรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การเข้าถึงของรถดับเพลิง การหลบภัยกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และ Brand  เลือกผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์และความรับผิดชอบ ไม่เพียงแค่การขยายธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการมีทีมบริการหลังการขายที่พร้อมช่วยเหลือผู้อยู่อาศัย

นิติบุคคลต้องพร้อม! ปรับตัวรับมือแผ่นดินไหว

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญ “ไม่ใช่” แค่การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่มีความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทของ “นิติบุคคล” หรือ “เจ้าของโครงการ” ที่ต้องรับผิดชอบต่อการดูแลพื้นที่ส่วนกลางให้พร้อมรับมือกรณีเกิดเหตุการณ์วิกฤติ หากตัวอาคารได้รับความเสียหาย นิติบุคคลต้องแสดงความรับผิดชอบในการจัดการพื้นที่ส่วนกลางและจัดหาทีมงานที่พร้อมช่วยซ่อมแซม รวมทั้งมีการติดตั้ง เซ็นเซอร์ตรวจจับแรงสั่นสะเทือน และการมี แผนฝึกซ้อมอพยพ อย่างสม่ำเสมอ

“การเตรียมตัวที่ดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างที่มีความเสี่ยงก็เป็นสิ่งที่นิติบุคคลควรคำนึงถึงเพื่อการรักษาความปลอดภัยในระยะยาว”

บทเรียนจากญี่ปุ่น…มุมมองใหม่ที่อสังหาฯ ไทยต้องปรับตัว

อย่างไรก็ดี "ญี่ปุ่น" เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบภัยแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก ได้ให้บทเรียนสำคัญในเรื่องการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ โดยอาคารสูงในญี่ปุ่นมักถูกออกแบบให้มีเทคโนโลยีรองรับแรงสั่นสะเทือน เช่น Base Isolation หรือ Damping Systems รวมถึงติดตั้งระบบเตือนภัยที่ทันสมัย ซึ่งสามารถแจ้งเตือนประชาชนได้ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากที่เซ็นเซอร์ตรวจพบแรงสั่นสะเทือน การฝึกซ้อมอพยพและการเตรียมชุดฉุกเฉินยังเป็นสิ่งที่ทุกคนในญี่ปุ่นทำเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย

“ในประเทศไทย เราควรเรียนรู้จากตัวอย่างของญี่ปุ่นในการออกแบบอาคารที่รองรับแผ่นดินไหว และการเตรียมการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที”

จุดเปลี่ยนอสังหาฯ กับการสร้างมาตรฐานใหม่

สุมิตรา กล่าว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า “ภัยธรรมชาติ” สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ! และอาจส่งผลกระทบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีความสูงและความหนาแน่นสูง ผู้บริโภคจะมีความระมัดระวังและคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติมากขึ้น

การซื้อคอนโดมิเนียมในอนาคตจะไม่ใช่แค่การพิจารณาถึงทำเลที่ตั้ง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงอย่างเดียว แต่การพิจารณาความปลอดภัยจากแผ่นดินไหวจะกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ หากผู้ประกอบการไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่ๆ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์

เพราะท้ายที่สุดแล้ว การเตรียมตัวและการตระหนักถึงความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติถือเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคและเจ้าของโครงการทุกคนควรคำนึงถึง เพื่อให้มั่นใจว่า “ที่อยู่อาศัย” ที่เลือกจะไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังสามารถตอบสนองความปลอดภัยในทุกสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

“รู้ไว้ก่อน ปลอดภัยกว่า!” เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตได้อย่างมั่นใจ