ธุรกิจอสังหาฯ-โรงแรมฟื้นตัวดันยอดขายสิงห์ เอสเตท9เดือนทะลุ1หมื่นล้าน

ธุรกิจอสังหาฯ-โรงแรมฟื้นตัวดันยอดขายสิงห์ เอสเตท9เดือนทะลุ1หมื่นล้าน

สิงห์ เอสเตท เผย9 เดือนแรก รายได้ทะลุ1หมื่นล้านอานิสงส์จากธุรกิจอสังหาฯ-โรงแรมฟื้นตัว! พร้อมเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ผ่านแบรนด์ต่างระดับที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายในตลาดอสังหาฯ รวมทั้งการขยายตัวของธุรกิจโรงแรม

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัทสามารถผลักดันรายได้ของสิงห์ เอสเตท ในช่วง 9 เดือนแรกให้เติบโตได้ตามแผนการลงทุน ควบคู่กับการคุมต้นทุนต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับช่วงการขยายธุรกิจและเปิดตลาดใหม่ ส่งผลให้มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำจากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 2,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานดังกล่าวเป็นตัวพิสูจน์การ"ปรับตัว"ทางธุรกิจให้สามารถช่วงชิงโอกาสได้ทันกับการฟื้นตัวของธุรกิจที่พักอาศัยและโรงแรม 

สะท้อนผลสำเร็จจากการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกค้า ที่สิงห์ เอสเตทได้ทำมาตลอด เชื่อมั่นว่าในไตรมาสที่ 4 จะสามารถขับเคลื่อนผลประกอบการที่สูงสุดในปีได้ เนื่องจากการรับรู้ยอดโอนของโครงการใหม่ สริน ราชพฤกษ์สาย 1 ที่มีมูลค่า 3,800 ล้านบาท ที่เปิดตัวในต้นไตรมาส 4 ที่ผ่านมาได้รับความสนใจอย่างดีและมียอดจองเป็นไปตามเป้าหมายกว่า 10% รวมถึงพอร์ตโรงแรมของ SHR ซึ่งเป็นผลจากการที่ห้องพักรูปแบบใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว พร้อมเปิดให้บริการลูกค้าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของปี พร้อมทั้งปริมาณความต้องการเดินทางของลูกค้า Long-haul market ที่กลับมาคึกคักอีกครั้งตามการเปิดเส้นทางบิน
 

ในปีนี้ สิงห์ เอสเตท ลงทุนขยายโครงการบ้านแนวราบครบทุกเซกเมนต์ลักชัวรีตามแผนงาน และยังคงไว้ซึ่งการถ่ายทอด DNA ที่ยึดถือในการพัฒนาโครงการให้ได้คุณภาพระดับ “Best in Class” แม้ว่าเซกเมนต์ที่เราขยายเข้ามาใหม่นี้ ถือว่าสิงห์ เอสเตทได้เข้ามาแข่งขันในตลาดนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี และความเชื่อถือแบรนด์ของสิงห์ เอสเตท ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพเหนือระดับเพื่อส่งมอบประสบการณ์ให้ลูกค้า

นางฐิติมากล่าวว่า นับเป็นก้าวที่สำคัญของสิงห์ เอสเตท ในการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงตลาดลูกค้าใหม่ โดยจะมีแบรนด์ต่างระดับที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ตรงจุดและหลากหลาย เราจะเน้นเจาะตลาดกลุ่ม SUPER LUXURY ในกลุ่มราคา 50-100 ล้านบาทด้วยแบรนด์ SIRANINN เสริมทัพด้วยการเข้าสู่ตลาดระดับ PREMIUM LUXURY ในกลุ่มราคา 30-50 ล้านบาทด้วยแบรนด์ S’RIN พร้อมช่วงชิงโอกาสในขอบบนของกลุ่มตลาด LUXURY ในกลุ่มราคา 10-30 ล้านบาทที่ครองส่วนแบ่งการตลาดใหญ่ที่สุดของบ้านแนวราบ ด้วยแบรนด์ SHAWN ที่เพิ่งเปิดตัวไปนี้

นอกจากนั้นแล้วยังมีอีก หนึ่งโปรดักส์ที่พัฒนาและออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความยืดหยุ่นอย่าง "SMYTH"ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของกลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวในปีนี้ คือ การขยายพอร์ต ULTRA LUXURY ที่ระดับราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท ในรูปแบบบ้านแบบ Cluster home

ซึ่งจะเป็นบ้านที่ดีไซน์มาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกบ้านแต่ละหลัง โดยบริษัทฯ เชื่อว่าการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้ จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดในการเข้าถึงที่ดินขนาดใหญ่บนทำเลศักยภาพ โดยเรามองเห็นโอกาสในการเติบโตและการขยายธุรกิจในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของรูปแบบของบ้านสั่งสร้าง และยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและแนวการพัฒนาด้วยอัตลักษณ์ในแบบฉบับของสิงห์ เอสเตท

ธุรกิจอสังหาฯ-โรงแรมฟื้นตัวดันยอดขายสิงห์ เอสเตท9เดือนทะลุ1หมื่นล้าน

แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 ในธุรกิจที่พักอาศัยนั้น นอกเหนือจาก backlog ราว 4,000 ล้านบาท เสริมทัพด้วย Product บ้านเดี่ยวพร้อมขายที่เราพึ่งเปิดตัวในช่วงสิ้นปีแล้ว สิงห์ เอสเตทเตรียมพร้อมส่งมอบห้องชุดในกับลูกค้าโครงการ ดิ เอ็กโทร พญาไทรางน้ำ ในช่วงต้นปี 2567

รวมถึงคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่ได้เข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาคอนโดในเซกเมนต์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่และเติบโตดีที่สุด ในระดับราคา 100,000 – 200,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งอยู่นอกเหนือจาก Pillar แบรนด์ที่พัฒนาโดยสิงห์ เอสเตท เอง โดยโครงการร่วมทุนนี้ จะตอบโจทย์ให้เราเข้าช่วงชิงโอกาสจากการฟื้นตัวของตลาดคอนโดในกลุ่มรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป โดยบริษัทวางแผนจะเปิดขายในปี 2567 

สำหรับธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นชัดเจนในไตรมาสสุดท้ายของปี ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 จากการเติบโตต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว และสัญญาณการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างภูมิภาคซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มเส้นทางบิน

"ในปี 2566 นี้ ถือเป็นปีแรกที่การท่องเที่ยวทั่วโลกเปิดเต็มรูปแบบ ซึ่งเราเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของลูกค้าตลาดใหม่ ๆ ในทุกภูมิภาคที่เราดำเนินงาน ซึ่งเราไม่รีรอที่จะช่วงชิงโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าศักยภาพเหล่านั้น และเตรียมความพร้อมในการนำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์กระแสนิยมในการท่องเที่ยว พร้อมด้วยมาตรฐานในการบริการอันเลิศ"

ทั้งนี้ การปรับปรุงโรงแรมตามแผนการยกระดับประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอ หรือ Major Renovation ของโรงแรมที่เป็นสินทรัพย์ศักยภาพของ SHR ได้แก่ โรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort, โรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต, โรงแรม ทราย พีพี ไอซ์แลนด์ วินเลจ และโรงแรมบางส่วนในสหราชอาณาจักรยังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

โดยห้องพักรูปแบบใหม่จะพร้อมส่งมอบห้องคืนและเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวอีกครั้งในช่วง high season ของแต่ละประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกำไรที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงแล้วจะสามารถยกระดับ ADR ได้เฉลี่ยในช่วง 15% - 25%

“เรามีความมั่นใจที่จะทำตามเป้าหมายในการสร้างรายได้ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อมุ่งเป้าสู่การเติบโตระยะยาว พร้อมด้วยปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยพันธสัญญาต่อลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนสังคม และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการรักษาวินัยทางการเงินที่ดี และการเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมที่สุดกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วง เพื่อเพิ่มความพร้อมในการสนับสนุนการขยายการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง และคงระดับสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนให้เป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการของบริษัท” นางฐิติมา กล่าว