สไตล์บริหารนายกฯเศรษฐา ดุดัน ตัดสินใจเร็ว ไม่มีคำว่าทำไม่ได้!

สไตล์บริหารนายกฯเศรษฐา ดุดัน ตัดสินใจเร็ว ไม่มีคำว่าทำไม่ได้!

คาดหวังของสาธารณชนที่มีต่อ“เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรีคนที่ 30และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่มีพื้นฐานมาจากการบริหารแสนสิริที่มีสินทรัพย์กว่า 1.2 แสนล้านซึ่งมีสไตล์บริหารดุดัน ตัดสินใจเร็ว ไม่มีคำว่าทำไม่ได้! กับความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจ

 จากประสบการณ์การบริหารงานแสนสิริ บริษัทอสังหาริมทรัพย์เบอร์ต้นๆของประเทศ ตั้งแต่ปี 2527 จนถึงปัจจุบัน ล่าสุดครึ่งปีที่ผ่านมาแสนสิริสามารถทำยอดขายได้ดี จนทำให้ยูนิตสร้างเสร็จพร้อมขาย (Stock) ของคอนโดมิเนียมลดลงเหลือเพียง 8.1 พันล้านบาทจาก  1.1 หมื่นล้านบาท ถือว่ามีอัตราดูดซับ( Absorption) ที่ดีที่สุดในตลาด โดยตั้งเป้าเป้ายอดขายปีนี้ 5.5หมื่นล้านรายได้4หมื่นล้าน ทุบสถิต สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเกือบ 40 ปี

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์”Speed to Market” ที่นำมาใช้ในภาวะวิกฤติไวรัสโควิด-19 ในห้วงเวลานั้น เศรษฐา มองว่า ตลาดอสังหาฯอยู่ในภาวะสงครามจึงต้องใช้ความเร็วในทุกๆ ด้าน คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ได้เปรียบคู่แข่งขัน โดยพร้อมที่จะยอม”ขาดทุน”เพื่อให้บริษัทมีสภาพคล่อง 

และกลยุทธ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นของ"แสนสิริ "ก็มาจากการทำงานที่รวดเร็วสไตล์ เศรษฐา ทวีสิน นั่นเอง! จนกลายเป็น DNA ของแสนสิริ ที่มาจากเศรษฐา ทวีสิน  หนึ่งในนั้นคือ “Speed to Market ” ในการคิดวางแผนไปข้างหน้าไม่ใช่ทำตามตลาด ยิ่งทุกวันนี้คู่แข่งก็อปปี้เร็วขึ้น ยิ่งต้องทำงานให้เร็วขึ้น หรือถ้ามีปัญหาต้องแก้ให้เร็ว ยกตัวอย่าง ช่วงโควิด-19 จัดโปรโมชั่นลดราคาเคลียร์สต็อกรายแรกในวงการอสังหาฯ

จึงเป็นที่รู้กันดีว่า สไตล์การทำงานของเขาดุดัน ตัดสินใจเร็ว ที่สำคัญ ไม่มีคำว่า ทำไม่ได้  ทุกอย่างต้องทำได้ แต่จะเป็นในรูปแบบไหน วิธีการอย่างไรค่อยว่ากัน  ทำให้ลูกน้องทุกคนจะต้องตื่นตัวตลอดเวลา เพราะ จะมีโจทย์ที่ท้าทายออกมาให้ขบคิดและลงมือทำตลอดเวลาเพื่อให้ทุกคนในองค์กรกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก 

โดยเศรษฐามักจะนั่งทำงานใน Co-Working Space   ชั้นล่าง สิริ แคมปัส โดยไม่มีที่นั่งประจำ เพื่อให้พนักงานสามารถแวะเวียนเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและหาทางออกร่วมกัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ระหว่างที่อ่านหนังสือพิมพ์ เพราะต้องการให้พนักงานสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้พนักงานกระตือรือร้น และเมื่อต้องการคำแนะนำสามารถเข้ามาปรึกษาได้ และมักจะสอนให้ลูกน้องเป็นคน Proactive  ทำงานเชิงรุกคิด วางแผน จัดการและเตรียมการทุกอย่าง พร้อมแก้ปัญหาและทำงานอย่างมีคุณภาพ

สไตล์บริหารนายกฯเศรษฐา ดุดัน ตัดสินใจเร็ว ไม่มีคำว่าทำไม่ได้!

นอกจากนี้พยายามสร้างบรรยากาศการทำงาน ให้เป็น  smart creative ทำให้คนรุ่นใหม่อยากมาทำงานและใช้เวลาอยู่ในที่ทำงาน อยู่กับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ด้วยการออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่ตอบโจทย์แนวคิด New Way of Work & Life ในสิริ แคมปัส เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ 3 ด้านในการทำงานรูปแบบใหม่นั่นคือ Efficiency ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ Creativity ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน และ Productivity ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อเอื้อต่อการทำงานร่วมกันอย่างเสมอภาค เท่าเทียมไม่มีลำดับชั้น พร้อมแชร์ประสบการณ์จากการทำงาน หรือหนังสือที่อ่าน เพราะเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะ 

ขณะเดียวกันก็สร้างแรงจูงใจให้พนักงานโดยมีเงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ ที่สามารถแข่งขันได้กับธุรกิจเดียวกันในตลาดได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่  “แสนสิริ”กลาย เป็นบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดสะท้อนจาก 2 รางวัลใหญ่แห่งปี “องค์กรที่ New Generation คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด” และ “องค์กร 1 ใน 5 Top of Mind ในฐานะ Diversity & Inclusion 2023 บริษัทที่มีความโดดเด่นด้านการยอมรับความหลากหลายและความเท่าเทียมในองค์กร” จาก QGEN บริษัทที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน People & Organization        

และที่สำคัญ จากการสอบถามผู้สมัครที่ผ่านมาพบว่า เศรษฐาเป็น  "แม่เหล็ก"ที่ดึงดูดให้คนอยากสมัครเข้ามาทำงานที่แสนสิริ เพราะอยากเรียนรู้ ได้มาร่วมงานด้วยเสมือนเป็นไอดอล !

 จุดเด่นของ  เศรษฐา ทวีสิน  คือเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว พูดจาตรงไปตรงมา มีจุดยืนชัดเจน  มีความมุ่งมั่นในการก้าวไปสู่เป้าหมาย โดยก่อนหน้านี้ คนใกล้ชิดหลายคนไม่ได้สนับสนุนให้เข้ามาลงเล่นการเมือง แต่ด้วยความมุ่งมั่น เขาเดินหน้าที่ต่อไป

สไตล์บริหารนายกฯเศรษฐา ดุดัน ตัดสินใจเร็ว ไม่มีคำว่าทำไม่ได้!

จนกระทั้งเป็น  นายกรัฐมนตรีคนที่ 30ของประเทศไทยพ่วงกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งน่าจะตอบโจย์การแก้ปัญหาประเทศในห้วงเวลานี้ เพราะพื้นฐานเรียนจบทางด้านเศรษฐศาสตร์มา มองเห็นภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงประสบการณ์ในการบริหารจัดการแสนสิริ ที่สามารถฝ่าวิกฤติมาได้หลายระลอก ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการบริหารประเทศ 
                               

ทั้งนี้เนื่องจาก เศรษฐา เป็นคนที่เรียนรู้เร็วพร้อมที่จะเปิดรับความรู้ใหม่ตลอดเวลา"ไม่ใช่"คนที่เป็นน้ำเต็มแก้ว ดังนั้นเมื่อไปอยู่ในแวดวงการเมืองพร้อมที่เรียนรู้สิ่งใหม่ ก่อนตัดสินใจจากข้อมูล เพื่อประชาชน ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความ"ยืดหยุ่น"เพราะทำธุรกิจมาก่อน จึงเข้าใจดีถึงความเป็นไปได้ถึงโลกความจริงว่า อะไรที่ทำได้และทำไม่ได้

โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่มีส่วนได้เสีย(Stakeholder) ช่วงที่เป็นซีอีโอแสนสิริ จะให้ความสำคัญกับ 4เสา ซึ่งประกอบด้วย ผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า และสังคม   เขาเคยบอกไว้ว่า เมื่อเข้ามาทำงานการเมืองต้องดูแลผู้ที่มีส่วนได้เสียมากกว่า4เสาเพื่อให้เกิดความสมดุลด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งประชาชน สถาบันต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น