ต่างชาติบูมหนุนคอนโดหรูส่งสัญญาณฟื้นค่าเช่าขยับ‘แสนบาท’ต่อเดือนรอบ3ปี

ต่างชาติบูมหนุนคอนโดหรูส่งสัญญาณฟื้นค่าเช่าขยับ‘แสนบาท’ต่อเดือนรอบ3ปี

แรงหนุนจากชาวต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย -ยูเครนเข้ามาพักระยะยาวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมให้เช่ากลับมาโตอีกครั้งในรอบ 3 ปี โดยเฉพาะคอนโดไฮเอนด์ในเมืองราคาขยับขึ้นทะลุ 1 แสนบาทต่อเดือนเป็นครั้งแรกหนุนคอนโดหรูส่งสัญญาณฟื้น

ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลักดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากชาวต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย -ยูเครนเข้ามาพักระยะยาวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นชาวรัสเซีย ยูเครน รวมทั้ง จีน ไต้หวัน ฯลฯ ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมให้เช่ากลับมาโตอีกครั้งในรอบ 3 ปี โดยเฉพาะคอนโดไฮเอนด์ในเมืองราคาขยับขึ้นทะลุ 1 แสนบาทต่อเดือนเป็นครั้งแรก หนุนนักลงทุนหันกลับมาซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า

สัญชัย คูเอกชัย   ผู้อำนวยการและหัวหน้าส่วนงานวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดีของตลาดคอนโด เมื่อคอนโดให้เช่าเริ่มฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งกิจกรรรมแรกที่คนทั่วโลกทำก็คือ ออกเดินทางท่องเที่ยว! สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาในไทยเพื่อทำงานจึงต้องการที่อยู่อาศัยระยะยาว

“ตลาดคอนโดเริ่มฟื้นจากการที่มีดีมานด์จากต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย -ยูเครน โดยเฉพาะคอนโดในกรุงเทพฯ เริ่มกลับมาจากการที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดเช่า บวกกับการที่จีนเปิดประเทศ จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง หรือ กลุ่ม FIT (Free Individual Traveler) เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดเช่าแม้จะไม่ได้เช่าระยะยาวเหมือนในยุโรปแต่ก็ทำให้ตลาดเช่าเริ่มดีขึ้น ส่งผลให้กลุ่มที่ซื้อคอนโดปล่อยเช่าเริ่มกลับมาซื้อคอนโดอีกครั้ง

นับเป็นโอกาสสร้างรายได้จากการปล่อยเช่าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคอนโดระดับไฮเอนด์ที่อยู่ใจกลางเมือง (CBD) ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าพักระยะยาว (Long-Stay) ทำให้ราคาค่าเช่าขยับขึ้น ยกตัวอย่าง 1 ห้องนอนในคอนโดลักชัวรี โซนสีลม สาทร ใกล้กับห้างสรรพสินค้าใหญ่ในช่วงโควิด ราคาลดลงเหลือ 35,000 บาทต่อเดือน แต่ปัจจุบันราคาถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือนเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด

อย่างไรก็ตาม ส่วนของตลาดคอนโดให้เช่าในกรุงเทพฯ ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากมีโรงแรมจำนวนมากที่พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพัก แต่ก็ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาเที่ยวเอง ที่นิยมเช่าคอนโดแทนใช้บริการโรงแรม เพราะราคาแพงกว่า แม้จะเป็นทางเลือกรองลงมาจากโรงแรม ทว่ามีแนวโน้มเติบโตดีที่สำคัญ ดีมานด์ส่วนนี้ทำให้อัตราการเช่าในตลาดคอนโดดีขึ้น 
 

โดยล่าสุดอัตราการเช่าคอนในเมืองพบว่า ความต้องการเช่าคอนโดระดับราคา 50,000-70,000 บาทต่อเดือนไปจนถึง 1 แสนบาทต่อเดือนกลับมาค่อนข้างมาก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเน้นการเช่าคอนโดไฮเอนด์

สัญชัย กล่าวต่อว่า ส่วนตลาดเช่าในกลุ่มลูกค้าพนักงานบริษัท ทำเลตั้งแต่อโศกมาจนถึงพระโขนง นั้น กลุ่มผู้เช่าหลักจะเป็นพนักงานที่ทำงานในเมืองดีมานด์เริ่มกลับมาบ้างแต่ยังไม่เหมือนเดิม เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home (WFH) และที่ผ่านมาย้ายไปอยู่นอกเมืองมากขึ้น ฉะนั้นการดึงคนกลุ่มนี้กลับเข้ามาเช่าคอนโดในเมืองอยู่ติดรถไฟฟ้าในระดับราคา 20,000 บาทค่อนข้างยาก ประกอบกับรายได้ลดลงสวนทางกับค่าเช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

“ตอนนี้ทำงานออฟฟิศแค่ 3 วัน ทำงานที่บ้าน 2 วันทำให้ความต้องการเช่าคอนโดลดลง ต่อให้โควิดหายไปความต้องการเช่าก็ไม่เหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจากคอนโดทำเลชั้นในเมืองทำให้ราคาขยับขึ้นได้ไม่มาก จากเดิมระดับราคาอยู่ 20,000 บาท โซนอโศก -พร้อมพงษ์ ปัจจุบันเหลือ 15,000 บาท ถือว่ายังต่ำอยู่ เพราะกำลังซื้อยังกลับมาไม่หมด แต่ถ้าเทียบกับโซนหรือทำเลที่หายาก ที่ใกล้เมืองหรือใจกลางเมืองจริงๆ อัตราการเช่าเริ่มกลับมาปกติแล้ว”

ในอนาคตตลาดเช่าในกลุ่มลูกค้าพนักงานบริษัทต้องปรับตัวด้วยการดึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่มีความต้องการเช่าคอนโดเข้ามาทดแทนกลุ่มพนักงานที่หายไป และหากทัวร์จีนกลับมาเร็วขึ้นคาดว่าคนที่ทำงานในเซ็กเตอร์โรงแรมจะกลับมา ทำให้ความต้องการที่พักทำเลเหล่านี้เพิ่มขึ้น

“เชื่อว่ากรุงเทพฯ ตลาดเช่าจะดีขึ้นจากการกลับเข้ามาของคนจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปและเมื่อไรที่จีนลดขั้นตอนในการขอวีซ่า หรือพาสปอร์ต ทำให้คนเข้ามาง่ายขึ้น จะเห็นการเติมเต็ม จากการเช่าไปสู่การซื้อคอนโดจะกลับเข้ามาอีกครั้ง คาดว่าจะต้องใช้เวลา 1-2 ปี ถึงจะกลับมาเริ่มจากคอนโดลักชัวรี ในซีบีดีและในเมืองใหญ่ ที่อยู่ในทำเลหายากก่อน”

สำหรับตลาดคอนโดให้เช่า สัญชัย วิเคราะห์ว่า ต่อไปกลายเป็นตลาดคู่แข่งที่สำคัญของ Airbnb และโรงแรมขนาด 3-4 ดาว ที่เข้ามาแย่งชิงกลุ่มลูกค้า FIT ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพักตามลำพังและกลุ่ม Digital Nomad หรือแบ็คแพ็คเกอร์ที่สามารถทำงานระยะไกลส่วนใหญ่ 90-95% เป็นชาวยุโรป ที่นิยมพักอาศัยระยะยาวเป็นเดือนๆ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้น

“ถือเป็นช่องว่างทางการตลาดที่ลูกค้ามองเห็นทางเลือก แต่อาจจะกระทบโรงแรม 3-4ดาว และอาจจะไปชนกับการให้บริการของ Airbnb ส่งผลให้สัดส่วนของตลาดคอนเช่าเปลี่ยนไปจากเดิมผู้เช่าที่เป็นโลคัล โดย 70% เป็นพนักงาน อีก 30% เป็นกลุ่มโนแมด โดยเฉพาะยุโรปที่เข้ามาอยู่อาศัยระยะยาวจะเช่าเป็นรายเดือน ปัจจุบันสัดส่วนเปลี่ยนเป็น 50:50 เพราะกำลังซื้อในตลาดพนักงานหายไป”