ส่องทำเลเพชรเกษม48หลังเสนาฯเทคโอเวอร์วรัตน์ แลนด์

จากการที่เสนาฯ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าได้เทคโอเวอร์ 'วรัตน์ แลนด์' คาดดีลแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้นั้น วันนี้เราจะมาส่องทำเลเพชรเกษม 48 ว่า ดีอย่างไร ทำไมเสนาฯถึงอยากเข้ามารุกตลาด
สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า 2 – 3 ปีที่ผ่านมาวิกฤติโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบให้กับตลาดอสังหาฯพอสมควร โดยเฉพาะฝั่งของผู้ประกอบการก็สาหัสไม่น้อยเช่นกัน เพราะเมื่อไม่มีคนซื้อ รายได้ก็ลดลง การเร่งปิดการขายโครงการที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์แบบลดแลกแจกแถม
ในช่วงที่ผ่านมาจึงออกมาต่อเนื่อง รวมไปถึงการระดมทุนเพื่อนำมาพัฒนาโครงการหรือหมุนเวียนในบริษัทในช่องทางต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการที่มีช่องทางในการทำแบบนั้นได้ คือ ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่าผู้ประกอบการบางรายอาจจะมีความน่าเชื่อถือลดลงก็ตาม
ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กทำอะไรได้ค่อนข้างลำบากในช่วงวิกฤต เพราะนอกจากรายได้จะหดหายแล้ว การขอสินเชื่อก็ทำได้ยากขึ้นอีกทั้งยังไม่สามารถหาช่องทางการระดมทุนได้แบบที่ผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถทำได้
ดังนั้น จึงเป็นการยากที่ผู้ประกบการรายกลางหรือรายเล็กจะยืนระยะให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ผู้ประกอบการบางรายมีการปล่อยให้ธนาคารยึดที่ดินไปบ้างเพื่อลดภาระหนี้สิน หรือเลือกที่จะหยุดการก่อสร้างบางโครงการไปเลยก็มี เพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนที่มากพอ
บางบริษัทที่มีทรัพย์สินเป็นที่ดิน อาคาร หรือโครงการที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จก็อาจจะเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการรายใหญ่จนนำไปสู่กระบวนการควบรวมกิจการ หรือขายทั้งโครงการที่ยังมีปัญหาในการก่อสร้างไปเลยก็เป็นไปได้
"ผู้ประกอบการบางรายที่อาจจะผ่านช่วงโควิด-19 มาได้ แต่ผ่านมาได้แบบมีหนี้สินหรือมีภาระเพิ่มขึ้นการเจรจาขายโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จจึงยังมีให้เห็นต่อเนื่องถึงปัจจุบัน"
ล่าสุดบริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ระบุ ถึงการเข้าไปลงทุน 100 % มูลค่า210ล้านบาทในบริษัท วรัตน์ แลนด์ คาดดีลแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาในที่ดินโครงการเพชรเกษม 48 ซึ่งเป็นการขยายการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาฯของบริษัทรวมทั้งเพื่อต่อยอดและสนับสนุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท
สุรเชษฐ ระบุว่า ทำเลฝั่งธนบุรีที่น่าสนใจมีหลายทำเล แต่พื้นที่ตลอดแนวถนนเพชรเกษมมีความน่าสนใจมากกว่าทำเลอื่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เป็นชุมชนดั้งเดิม มีการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยมาต่อเนื่องมากกว่า 20 ปี และยิ่งมากขึ้นเมื่อมีถนนเส้นทางใหม่และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตามแนวถนนเพชรเกษม เพราะช่วยยกระดับศักยภาพของพื้นที่ให้มากขึ้น
ขณะที่เครือข่ายของการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลก็มีความสะดวกสบาย แม้ว่าจะมีตรอก ซอย หรือถนนสายรองจำนวนมากก็ตามที่แยกออกจากถนนเพชรเกษม เพราะถนนสายรอง และซอยต่างๆ ที่แยกออกจากถนนเพชรเกษมล้วนเชื่อมโยงถึงกันหมด เพียงแต่อาจจะเป็นถนนขนาด 2 เลนเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ลำบากมากนักในการใช้เป็นทางสัญจร เพียงแต่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วนเท่านั้น
ซอยเพชรเกษม 48 เป็นอีก 1 ซอยที่แยกออกจากถนนเพชรเกษม แล้วมีความน่าสนใจ เพราะเป็นซอยที่เชื่อมต่อกับถนนบางแวกซึ่งสามารถไปได้ทั้งถนนราชพฤกษ์ และพุทธมณฑล สาย 1 เท่ากับว่าใครก็ตามที่พักอาศัยอยู่ในซอยเพชรเกษม 48 สามารถเดินทางออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพมหานครได้หลายช่องทาง
"จึงไม่แปลกใจที่พื้นที่รอบๆ จะมีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่จำนวนมาก ทั้งโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม เพียงแต่โครงการบ้านจัดสรรได้รับความสนใจมากกว่าชัดเจน ยกเว้น พื้นที่ที่อยู่ติดถนนเพชรเกษมไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเพชรเกษม 48 "
โครงการบ้านจัดสรรในพื้นที่มีมากกว่า 20 โครงการทั้งแบบเก่าเกิน 20 ปีและเพิ่งเปิดขายไม่นานมานี้ รวมไปถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่มีตั้งแต่พื้นที่ริมถนนเพชรเกษม ไปจนถึงในซอยเพชรเกษม 48 และพื้นที่ตามแนวถนนบางแวก เพียงแต่จำนวนโครงการไม่มากนัก ยูนิตรวมกันอยู่ที่ประมาณ 2,400 ยูนิต และปิดการขายเกือบ 100%
ยกเว้นโครงการที่อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟฟ้าเท่านั้น เพราะราคาขายอาจจะสูงเกินไปในพื้นที่ บ้านจัดสรรในพื้นที่ก็มีทั้งที่ราคาขายเริ่มต้นประมาณ 3 ล้านบาทหรือต่ำกว่านี้ในอดีตขึ้นไปถึงมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งบ้านจัดสรรราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาทต่อยูนิตในพื้นที่นี้หาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
ยกเว้นเป็นบ้านมือสองในโครงการเก่า ทำเลนี้ถือว่ามีศักยภาพสูงทั้งในเรื่องของการเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มีครบหมดแล้ว เพราะป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนามาต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา







