งานสถาปนิก’66ผนึก5องค์กรวิชาชีพหนุนวัสดุก่อสร้างโต2.2หมื่นล้าน

งานสถาปนิก’66ผนึก5องค์กรวิชาชีพหนุนวัสดุก่อสร้างโต2.2หมื่นล้าน

งานสถาปนิก’66 ผนึก5องค์กรวิชาชีพ ชูธีมความยั่งยืนสร้างคุณค่าสถาปัตยกรรมไทย คาดดึงคนเข้ามาร่วมงาน 3.2แสนคนช่วยกระตุ้นวัสดุก่อสร้างโต10%คิดเป็นมูลค่า 2.2 หมื่นล้าน

นายศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ออแกไนเซอร์จัดงานสถาปนิก'66 กล่าวว่า ปีนี้ได้เตรียมจัดงานสถาปนิก ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสถาปัตยกรรม วัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แนวคิด ตำถาด : Time of Togetherness ครบรสสถาปัตยกรรม ซึ่งแนวคิดนี้เกิดขึ้นจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19ทำวิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป งานสถาปนิกจึงจำเป็นต้องปรับตัว พัฒนางานให้ตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก

โดยปีนี้เป็นการร่วมมือกันจัดงานของ 5 สมาคมวิชาชีพ ประกอบด้วย สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย, สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย, สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย และสภาสถาปนิก ซึ่งแต่ละวิชาชีพก็เป็นเหมือนส่วนประกอบต่างๆ ที่อยู่ในส้มตำถาด ที่จะทำให้งานสถาปัตยกรรมมีความหลากหลาย เพิ่มมูลค่าและน่าสนใจยิ่งขึ้น 

โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 เม.ย.2566 ที่ชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีประสบการณ์มาถ่ายทอดเรื่องราว และมุ่งเน้นให้คนในวิชาชีพมาพูดคุยเรื่องการสร้างเมืองและสร้างสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นด้วยทิศทางการออกแบบที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ที่สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล หรือ ESG

“ งานสถาปนิก’66 ถือได้ว่าเป็นการกลับมาจัดงานอย่างเต็มรูปแบบเหมือนก่อนช่วงโควิด-19บนพื้นที่ 75,000 ตร.ม.โดยได้รวบรวมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านการออกแบบและก่อสร้างครบวงจร จากภายในประเทศและต่างประเทศไว้รวมกว่า 800 บริษัท ”

โดยมีสัดส่วนผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศมากกว่าการจัดงานปีที่ผ่านมาถึง 7 เท่า หรือคิดเป็น 21.33% อาทิ ออสเตรเลีย จีน ฟินแลนด์ ฮ่องกง อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่างานสถาปนิกเป็นเวทีจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการก่อสร้างที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

นายศุภแมน  ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการจัดงานทั้ง 6 วันคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 325,000 ราย และสามารถช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะในกลุ่มวัสดุก่อสร้างได้กว่า 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน ซึ่งปัจจัยที่สำคัญคือสถานการณ์โควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้มีผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งทางผู้จัดงานยังมีการทำความร่วมมือกับผู้จัดงานแสดงสินค้าด้านสถาปัตยกรรมและวัสดุก่อสร้างในภูมิภาคเอเชียอย่างประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไต้หวัน ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้ประชาสัมพันธ์งานไปยังกลุ่มพันธมิตรที่อยู่ต่างประเทศมากขึ้น 


สำหรับไฮไลท์และกิจกรรมในส่วนพื้นที่จัดแสดงสินค้าในงานครั้งนี้ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้งานปีที่ผ่านมา อาทิ  Thematic Pavilion - พื้นที่จัดแสดงรูปแบบพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างนักออกแบบและซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้าง เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำได้มากกว่าที่คิด 

โดยปีนี้มีทั้งหมด 4 พื้นที่ ได้แก่ 1. VG และ TOA ทำงานร่วมกับนักออกแบบจาก Hypothesis 2. WOODDEN ทำงานร่วมกับ PAVA architects   3. EMPOWER STEEL ทำงานร่วมกับ ACa Architects และ 4. THAIKOON STEEL และ THAI PREMIUM PIPE ทำงานร่วมกับ Context Studio ซึ่งทั้ง 4 บูธนี้จะยกระดับการจัดงานในมิติของการสร้างสรรค์และงานดีไซน์ให้ทัดเทียมกับงานในต่างประเทศ

นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัวนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากผู้แสดงสินค้าครั้งแรกภายในงาน อาทิ TOA AQUA SHIELD 2IN1 MULTI SURFACE นวัตกรรมสีเคลือบรวมรองพื้น สูตรน้ำ มีสาร VOCs ต่ำ ปลอดภัยกว่าสีน้ำมันทั่วไปถึง 9 เท่า จาก TOA,

ผนังห้องน้ำไร้ร่องยาแนวจาก GREENLAM, FLOOR PATCHING MORTAR นวัตกรรมการซ่อมพื้นคอนกรีตบางที่เป็นมิตรกับธรรมชาติจาก JORAKAY, MW001G เตาไมโครเวฟแบบพกพาจาก MAKITA, GRANTS SERIES ประตูบานเลื่อนเข้ามุมจาก TOSTEM, AELIFTER & SOLAR CELL ชุดเติมอากาศอัจฉริยะจาก DOS

พร้อมทั้ง  BIMobject Live Thailand 2023  งานสัมมนาอัพเดตเทรนด์ด้าน Digital Construction ที่จะนำวงการก่อสร้างมุ่งสู่ Net Zero ด้วยเครื่องมือจาก BIM และ AI พร้อมร่วมเจาะลึกกระบวนการออกเเบบและก่อสร้าง “สินธร วิลเลจ” โครงการต้นแบบ Mixed Use ของประเทศไทยที่มีสถาปัตยกรรมล้ำสมัย ดำเนินโครงการภายใต้หลักเศรษฐกิจ สังคมเเละสิ่งเเวดล้อม จาก A49, Thai Obayashi และ Siam Sindhorn 
 

นายศุภแมน   กล่าวว่า   ปีนี้เป็นครั้แรกที่งานสถาปนิก x Lazada ซึ่งแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ใหญ่มาให้บริการแก่ผู้แสดงสินค้าภายในงานในการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า พร้อมยกระดับและเชื่อมต่อผู้ประกอบการสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ควบคู่กับการจัดแสดงสินค้าภายในงาน