ย้ายเมืองหลวง...ง่ายมาก | โสภณ พรโชคชัย

ย้ายเมืองหลวง...ง่ายมาก | โสภณ พรโชคชัย

หลายคนกังวลเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ เพราะ “โลกร้อน” เลยคิดจะย้ายเมืองหลวง ทำได้จริงหรือ อันที่จริงทำได้และเคยทำกันมาแล้ว แต่จะทำจริงหรือและควรทำหรือไม่ โดยเฉพาะสำหรับ “กรุงเทพมหานคร”

การย้ายเมืองหลวงในอดีต ทำกันมามากมาย เช่น ในจีนก็ทำมาแล้ว เราคงเคยได้ยินเมืองหลวงเก่าๆ ของจีน เช่น ไคฟง ลั่วหยาง นางกิง ซีอาน หรือเฉิงตู เป็นต้น

ในญี่ปุ่นก็มีนครหลวงเก่าอย่างนาราและเกียวโต สาเหตุสำคัญของการย้ายเมืองหลวงได้สำเร็จก็เป็นเหตุผลทางการเมืองนั่นเอง แม้แต่ไทยก็ย้ายจากกรุงสุโขทัย มาอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงเทพมหานคร แล้วทำไมจะย้ายอีกไม่ได้

อีกเหตุผลหนึ่งที่ย้ายเมืองหลวงทั้งเมืองได้ ก็เพราะ การย้ายประชากร อย่างเช่นในสมัยสามก๊ก เมืองหลวงก็ได้แก่เมืองลกเอี๋ยง ต่อมาตั๋งโต๊ะสั่งย้ายไปเมืองเตียงอัน และโจโฉสั่งย้ายไปเมืองฮูโต๋

การย้ายแต่ละครั้งก็มักกวาดต้อนประชาชนและเอาสมบัติต่างๆ จากเมืองเก่าไปด้วย แม้แต่กรุงเวียงจันทน์ของลาว หรือนครธมของกัมพูชา ก็ถูกไทยบุกยึดมาแล้ว พม่าก็ยึดกรุงศรีอยุธยาพร้อมกวาดต้อนผู้คนไป

สำหรับกรุงเวียงจันทน์ก็เคยถูกเผาร้างมาเช่นกัน ตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรี และในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่มีกรณีกบฏอนุวงศ์ ในแต่ละครั้งกรุงเวียงจันทน์ก็ร้างไป

มีการอพยพผู้คนชาวลาวมาอยู่ในเขตไทย เช่น สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม และทางตอนใต้ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้กับกัมพูชา เพื่อว่าคนเหล่านี้จะได้ไม่มีโอกาสกลับไปยังกรุงเวียงจันทน์อีก 

ย้ายเมืองหลวง...ง่ายมาก | โสภณ พรโชคชัย

ในประเทศต่างๆ ก็มีการแยกเมืองหลวงที่เป็นเมืองบริหารออกจากเมืองหลวงทางเศรษฐกิจ เช่น

- แคนาดา : ออตโตวา กับ โตรอนโต

- ไนจีเรีย : อาบูจา กับ ลากอส

- บราซิล : บราซิเลีย กับ เซาเปาโล

- ปากีสถาน : อิสลามาบัด กับ การาจี

- ฟิลิปปินส์ : เกซอนซิตี กับ มะนิลา

- มาเลเซีย : ปุตราจายา กับ กัวลาลัมเปอร์

- เมียนมา : เนปิดอว์ กับ ย่างกุ้ง

- สหรัฐอเมริกา : วอชิงตันดีซี กับ นิวยอร์ก

- ออสเตรเลีย : แคนเบอร์รา กับ ซิดนีย์

อาจกล่าวได้ว่าเมืองหลวงราชการย้ายได้ แต่เมืองหลวงทางเศรษฐกิจคงย้ายไม่ได้

ยิ่งในกรณีการย้ายกรุงเทพมหานคร มีความเป็นไปไม่ได้อยู่ 2 ประการก็คือ

1.ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีข้าราชการส่วนกลางอยู่ราวๆ 1.2 ล้านคน การย้ายเมืองหลวงที่ต้องย้ายข้าราชการเหล่านี้ไปคงเป็นเรื่องยาก

เพราะหากคูณด้วย 5 (รวมลูกเมียและผู้ที่ไปให้บริการค้าขายด้วย) ก็จะเป็นเมืองขนาด 6 ล้านคน การสร้างเมืองขนาดนี้จึงยากที่จะเป็นไปได้ 

กรณีเมืองนูซันตารา ซึ่งเป็นนครหลวงใหม่ของอินโดนีเซียนั้น จะมีการย้ายข้าราชการส่วนกลางไปเพียง 4 แสนคน ทั้งนี้คงเป็นเพราะข้าราชการส่วนใหญ่เป็นส่วนท้องถิ่น แต่ของไทยหนึ่งในสามของข้าราชการอยู่ในส่วนกลาง จึงย้ายได้ยากมาก

ย้ายเมืองหลวง...ง่ายมาก | โสภณ พรโชคชัย

2.กรุงเทพมหานครเป็นเมืองโตเดี่ยว (Primate City) ไม่มีเมืองอื่นที่จะมาทดแทนได้ ชัยภูมิก็อยู่กึ่งกลาง บรรดาเมืองในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคใต้ ก็ไม่อาจเป็นศูนย์กลางของประเทศไทย

ทั้งนี้ต่างจากประเทศอื่นที่มีเมืองขนาดใหญ่หลายเมือง เช่น อินโดนีเซีย มีเมืองที่มีประชากรเกินล้านถึง 14 เมือง ฟิลิปปินส์ก็มีเมืองขนาดใหญ่หลายแห่ง

ในอีกด้านหนึ่งก็มีผู้แย้งได้ว่า กรุงเทพมหานครต้องย้ายแน่ๆ อสังหาริมทรัพย์คงพังพินาศหมด เพราะระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยจะเพิ่มขึ้นจนอยู่ไม่ได้อีกต่อไป มีผลการศึกษาบอกว่าหากน้ำแข็งในขั้วโลกละลาย รวมทั้งเหล่าธารน้ำแข็งทั่วโลกละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นถึง 70 เมตร 

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ (ส่งเดช) แบบพูดความจริงบางส่วน ให้ผู้คนตกใจแบบนี้ ก็มีผู้คัดค้านมากมายเช่นกัน เพราะมีผลการศึกษาระบุชัดว่า

1.ภายในปี 2593 องค์การนาซาคาดการณ์ว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้น 12 นิ้ว หรือ 0.3 เมตรเท่านั้น

2.ภายในปี 2643 น้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.3-1.6 เมตรจากปัจจุบัน

3.ภายในปี 3543 (เกือบพันปีข้างหน้า) ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้น 4 เมตร

ประเทศสิงคโปร์คาดการณ์ว่าน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.32-1.01 เมตรเท่านั้น ณ ปี 2643 แสดงว่าในอ่าวไทย และประเทศไทย น้ำทะเลก็คงเพิ่มขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน จึงไม่ต้องห่วงใยหรือ “บ้าจี้” ตามพวก “โลกร้อน” จน “ขี้ขึ้นสมอง”

ย้ายเมืองหลวง...ง่ายมาก | โสภณ พรโชคชัย

ในขณะนี้มีเมืองริมทะเลที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และยังอยู่ได้ เพราะการสร้างเขื่อนกันไว้ ซึ่งไทยก็อาจเลียนแบบได้เช่นกัน เมืองเหล่านี้ ได้แก่ 

Lammefjord เดนมาร์ก อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 7 เมตร 

Zuidplaspolder เนเธอร์แลนด์ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 7 เมตร 

Haarlemmermeer เนเธอร์แลนด์ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 5 เมตร 

Amsterdam เนเธอร์แลนด์ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 2 เมตร 

การย้ายเมืองหลวง (ราชการ) หลายแห่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ เช่น ปุตราจายาของมาเลเซีย ก็มีประชากรไปอยู่น้อยมาก ประมาณ 1 แสนคน

ในขณะที่กรุงกัวลาลัมเปอร์อยู่กันล้านกว่าคน กรุงเนปิดอว์ก็แทบร้าง ดังนั้น การย้ายเมืองหลวงของอินโดนีเซียน่าจะล้มเหลว และต้องเสียเงินมหาศาลในการสร้าง สู้นำเงินไปพัฒนาประเทศในทางอื่นจะดีกว่า

ยิ่งกว่านั้นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อเมืองหลวงใหม่จากทั่วประเทศก็จะเพิ่มขึ้นอีก นับเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจ

ย้ายเมืองหลวง...ง่ายมาก | โสภณ พรโชคชัย

การย้ายเมืองหลวงที่ประสบความสำเร็จพึงดำเนินการ ดังนี้

1.ต้องเป็น Smart City มีการวางผังเมืองทุกกระเบียดนิ้ว และเป็นเมืองในแนวตั้ง เช่น สิงคโปร์ มีประชากรประมาณ 8,000 คนต่อตารางกิโลเมตร

เช่น ถ้าเราจะสร้างเมืองใหม่ขนาด 6 ล้านคน ก็ไม่ควรใช้พื้นที่เกิน 750 ตารางกิโลเมตร เป็นต้น แต่การสร้างเมืองหลวงใหม่มักสร้างสถานที่ราชการแบบสุดอลังการ ทำให้ความเป็นไปได้มีจำกัด

2.ต้องเป็นเมืองปิด เพื่อไม่ให้เติบโตแบบไร้ทิศผิดทาง (Urban Sprawl) โดยมี “กำแพงเมืองจีน” ในลักษณะที่เป็นพื้นที่กันชนสีเขียว (Green Belt) ซึ่งต้องเวนคืนที่โดยรอบไว้ ห้ามการก่อสร้างใดๆ

3.ต้องมีทางเชื่อมเข้าเมืองหลวงใหม่ผ่านรถไฟ ทางด่วนยกระดับจากเมืองท่าริมทะเลหรือสนามบินนานาชาติของเมือง โดยไม่ให้เกิดการเชื่อมทางเพื่อป้องกันการเติบโตแบบไร้ทิศผิดทางนั่นเอง

สำหรับเมืองหลวงปัจจุบันอย่างกรุงเทพมหานครและกรุงจาการ์ตา ก็ยังต้องพัฒนาต่อไป นอกจากจะมีกำแพงกันน้ำทะเลอย่างในยุโรปแล้ว ยังต้องมีการสร้างรถไฟฟ้าในเขตเมืองกันอย่างขนานใหญ่ ห้ามการสร้างตามชานเมือง

เน้นการสร้างแนวสูง จัดผังเมืองใหม่ (Rezoning) แบบในประเทศจีน หลายเมืองที่พอชาวบ้านจากบ้านไปสักปีครึ่งปีก็จำทางเข้าบ้านแทบไม่ได้แล้ว เพราะการจัดผังเมืองใหม่ 

รวมทั้งการนำพื้นที่การพัฒนาแนวราบ เช่น ชุมชนแออัดมาพัฒนาใหม่ ให้คนได้อยู่ร่วมกันในเมือง แทนการออกนอกเมืองอย่างสะเปะสะปะ

จะย้ายเมืองหลวงใหม่หรือไม่ก็ตาม เมืองก็ต้อง “ยกเครื่อง” ตลอดเวลา จะปล่อยไปตามยถากรรมไม่ได้

คอลัมน์ อสังหาริมทรัพย์ต่างแดน

ดร.โสภณ พรโชคชัย

ประธานกรรมการศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ 

บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส 

www.area.co.th