"ผู้ว่าฯชัชชาติ" ควรเรียนรู้ผังเมืองต่างประเทศ

"ผู้ว่าฯชัชชาติ" ควรเรียนรู้ผังเมืองต่างประเทศ

เห็นผู้ว่าฯ ชัชชาติ ออกมาพูดเรื่องผังเมือง กลัวท่านออกทะเล จึงขออนุญาตนำเรื่องผังเมืองในต่างประเทศมานำเสนอ แต่ไม่รู้ท่านจะฟังไหมนะครับ เห็นท่านว่ามีนักผังเมืองเก่งๆ อยู่ในมือหลายสิบคน

เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านผู้ว่าฯ ไปเสวนาเรื่องการย้ายกรุงเทพมหานคร ก็เห็นพูดกันไปสามวาสองศอก อันที่จริงท่านควรให้ความรู้ฟันธงไปเลยว่า การย้ายเมืองหลวงนั้นคงย้ายไม่ได้หรอก ยกเว้นเกิดภัยพิบัติ ภัยสงคราม ผลัดแผ่นดิน จึงย้ายจากกรุงศรีอยุธยาไปกรุงธนบุรี เป็นต้น ดูอย่างเมืองปุตราจายาก็ไม่ประสบความสำเร็จ กรุงเนปิดอว์ก็แทบร้าง สิ้นเปลืองงบประมาณไปมหาศาล 

เราอาจย้ายเมืองบริวารได้แต่เมืองหลวงทางเศรษฐกิจย้ายไม่ได้ เช่น นครนิวยอร์กกับกรุงวอชิงตันดีซี นครเซาเปาโลกับกรุงบราซิเลีย นครซิดนีย์กับกรุงแคนเบอร์รา เป็นต้น

ท่านก็คงทราบว่า บรรดามหานครต่างๆ หลายแห่งในยุโรปตะวันตกก็ตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล บางแห่งต่ำกว่านับสิบเมตร เขายังรักษาเมืองไว้ได้ เราอย่าไปคลั่งตามพวกกลัวโลกร้อนจนขี้ขึ้นสมอง ต่างก็กลัวคลื่นยักษ์ (Storm Surge) สึนามิ แผ่นดินไหว น้ำทะเลท่วมกรุงเทพมหานคร 

ทั้งที่ก็เคยมีผลการศึกษาว่าน้ำทะเลอ่าวไทยกลับลดลงด้วยซ้ำไป ทะเลยังเคยไปใกล้ถึงนครสวรรค์ แล้วตอนนี้เรามีกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฯลฯ อีกมากมาย 

การที่ชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะ ก็เพราะการตัดป่าไม้โกงกางต่างหาก แล้วที่ทะเลเกิดแผ่นดินเพิ่ม ก็กลับเพิกเฉยไม่พูดถึง

ท่านผู้ว่าฯ ก็เคยบอกว่า “เมื่อวานยังได้ไปคุยกับนักวางผังเมืองของสิงคโปร์ เกี่ยวกับการพัฒนาผังเมือง เขาบอกว่าจริงๆ แล้วมันต้องมีสองส่วน คือนักเศรษฐศาสตร์เมืองและนักวางผังเมือง แต่ของเรามีนักวางผังเมือง แต่วางผังเมืองแบบไม่เข้าใจความต้องการ...”

โถที่ไทยมีเรียนสาขานี้หรือผังเมืองเป็นการใช้สหศาสตร์ (Interdisciplinary Approach) ไม่ใช่ขาดคนที่จบวิชาอะไรมา ที่ผังเมืองไทยพิกลพิการมีหลายสาเหตุ เดี๋ยวมาดูกัน

เร็วๆ นี้ ท่านผู้ว่าฯ ไปประชุมที่กรุงพนมเปญ ออกมาวิ่งตอนเช้าชมเปาะว่าที่สะอาดสะอ้าน เหมือนกรุงเทพมหานครของเราเลย โถก็ท่านวิ่งอยู่ตรงบริเวณโรงแรมริมแม่น้ำซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว เขาก็ต้องมีพนักงานกวาดเก็บกันแต่เช้ามืด ถ้าท่านไปตามถนนรนแคมทั่วไปจะเห็นภาพอีกอย่างหนึ่ง 

กรุงพนมเปญ อาจเรียกว่าเป็นเมืองในฝุ่น เพราะมีการก่อสร้างมากมาย ที่ผ่านมามีโครงการบ้านจัดสรร อาคารชุด และอาคารเชิงพาณิชย์ต่างๆ ผุดขึ้นมามากมายนั่นเอง แต่ท่านคงไม่เห็นว่าผังเมืองของกรุงพนมเปญเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ซึ่งเกิดจากการวางผังที่ดีมาตั้งแต่แรก

\"ผู้ว่าฯชัชชาติ\" ควรเรียนรู้ผังเมืองต่างประเทศ

ยังมีข่าวว่า “ชัชชาติ” สั่งรื้อผัง กทม.ดึงที่ดินรัฐ-เอกชนปักหมุดเมืองใหม่ชานเมือง” ที่ปรึกษาของท่านทราบหรือไม่ว่าการสร้างเมืองใหม่ในประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครไม่ได้ผล รังแต่จะทำให้เมืองขยายตัวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เช่น การสร้างเมืองใหม่บางพลีเมื่อ 40 ปีก่อน เป็นต้น ประเทศฟิลิปปินส์ก็สร้างเมืองเกซอนซิตีให้เป็นเมืองใหม่ แทนกรุงมะนิลา แต่สุดท้ายก็ผนวกรวมกันเป็นนครหลวงมะนิลา แหล่งรถติดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 

เราควรเรียนรู้การสร้างความหนาแน่น (High Density) ในเมืองโดยไม่สร้างความแออัด (Overcrowdedness) ต้องรู้จักแยกคำศัพท์ทั้งสองนี้ออกจากกัน

มีข่าวอีกว่า “ชัชชาติ” ชี้ผังเมืองใหม่เอื้อสาธารณะรักษาสิทธิผู้มีรายได้น้อย” โดยกล่าวว่า “ปัจจุบันเมืองพัฒนาไปมาก แต่ละพื้นที่มีมูลค่าสูง กระทบต่อผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากมีการก่อสร้างหลายโครงการ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ราคาที่ดินสูงขึ้น ผู้มีรายได้น้อยจำเป็นต้องถอยร่นไปอยู่ในพื้นที่คุณภาพชีวิตต่ำกว่าเดิม ไม่สามารถอาศัยใกล้แหล่งงาน เพราะสู้ราคาค่าเช่าไม่ไหว 

จึงจำเป็นต้องทบทวนแนวทางผังเมืองและการก่อสร้างต่างๆ ไม่ให้ลิดรอนสิทธิผู้มีรายได้น้อยในระยะยาว และเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้เท่าเทียมกันมากขึ้น”

ผมก็ไม่แน่ใจว่าคำพูดสวยหรูนี้ แปลว่าอะไร

1.อย่างชุมชนป้อมมหากาฬที่พวก “อยากจน” (ไม่ใช่ยากจน) แอบอ้างว่ามีโบราณสถานต่างๆ แล้วฉวยโอกาสยึดครองมายาวนาน ทั้งที่เจ้าของเดิมเขาก็ต่างย้ายออกไปหมดแล้ว นี่เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างชัดเจน และพิสูจน์ในวันนี้แล้วว่าการมีสวนสาธารณะป้อมมหากาฬย่อมดีกว่าเห็นแก่พวกอยากจน 20 กว่าครัวเรือนนั้น

2.ท่านผู้ว่าฯ ไม่ทราบว่าในใจกลางเมือง เช่น ยานนาวาและเขตในใจกลางเมืองอื่นๆ ยังมีห้องเช่าถูกๆ เดือนละไม่ถึง 3,000 บาท ผู้ใช้แรงงานแทบทุกระดับยังสามารถอยู่ได้

3.อย่างพวกบุกรุกที่คลองลาดพร้าว คลองถนน คลองเปรมประชากร บุกรุกอยู่กันมาหลายสิบปี รัฐบาลกลับไปสร้างที่อยู่อาศัยให้พวกเขาอยู่ถาวร ให้อภิสิทธิ์เหนือคนยากจนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

ควรเอาพื้นที่เหล่านั้นมาสร้างถนนขยายการจราจรให้กับประชาชนส่วนรวมมากกว่า แล้วนำชาวบ้านบุกรุกไปอยู่ที่เอกชนด้านข้างโดยสร้างเป็นแฟลต 10 ถึง 20 ชั้น ซึ่งยังสามารถให้คนจนนอกชุมชนมาอยู่ได้อีกเป็นจำนวนมาก

ดร.จรัสโรจน์ บถดำริห์ นักผังเมืองและอดีตที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ บอกผมว่า ให้รู้ซึ้งอดีตอันยาวนานกว่า 50 ปีของการผังเมืองไทย ประเด็นการวางผังเมือง กทม.และเมืองต่างๆ ในประเทศไทย ล่มสลายทั้งระบบนั้น สาเหตุเนื่องจาก

1.รัฐบาลที่ผ่านมาทุกรัฐบาล ตั้งแต่มี พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ.2518 ไม่เคยให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างจริงจัง ปล่อยปละละเลยการพัฒนาเมือง และจัดการแผนโครงสร้างพื้นฐานเมือง เปลี่ยนไปมาตามอำนาจของนักการเมืองและนายทุน เพื่อประโยชน์ของกลุ่มผลประโยชน์ของตนเอง 

ในจังหวะที่ได้เข้ามามีอำนาจในขณะนั้น งานผังเมืองซึ่งต้องยึดถือเป็นแผนระยะยาวจึงจะเห็นผลสำเร็จสมบูรณ์ จึงล้มเหลวเสมือนไม่มีแผนกำกับชึ้นำการพัฒนาเมือง

\"ผู้ว่าฯชัชชาติ\" ควรเรียนรู้ผังเมืองต่างประเทศ

2.หลักคิด หลักการของงานผังเมือง หรือการวางแผนพัฒนาระบบชุมชน เมืองและชนบท รวมถึงแผนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่พัฒนาแล้วจะถูกกำหนดไว้ใน “รัฐธรรมนูญของประเทศ” ให้การวางแผนกายภาพเป็นหนึ่งเดียวประสานร่วมกัน ไม่ขัดแย้งกัน ขณะที่ประเทศไทยทำตรงกันข้าม แยกกันคิด แยกกันทำ ไม่ยอมร่วมมือกัน เพราะเอื้อให้เกิดผลประโยชน์กับหน่วยงานและกลุ่มของตนเอง

3.องค์กรสูงสุดของประเทศในการบริหาร กำกับการวางแผนและพัฒนาด้านกายภาพ มีแต่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีแต่นักเศรษฐศาสตร์ แม้ว่าเคยมีการเสนอให้มีองค์กรวางแผนกายภาพระดับประเทศ ขึ้นสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 40 ปี ก็ถูกขัดขวางไม่สำเร็จ 2 ครั้ง

4.อธิบดีของหน่วยงานนี้เป็นที่หมายปองของนักปกครอง นักรัฐศาสตร์ มาบริหารงานอย่างพิสดารตามทักษะความถนัดของตนเอง จึงขาดการพัฒนาตามหลักวิชาการ

เอาเป็นว่าพวกรู้จริงด้านผังเมืองไม่ค่อยมีโอกาสทำงาน ไทยต่างจากสิงคโปร์ที่เป็นสวรรค์พวกผู้เชี่ยวชาญ คิดอะไรก็ได้ทำ แต่ไทยติดกับดักพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี
คอลัมน์ : อสังหาริมทรัพย์ต่างแดน
ดร.โสภณ พรโชคชัย 
ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย 
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส 
www.area.co.th