พฤกษาคิดไกลรับซื้อที่100ไร่ปลูกป่าขายคาร์บอนเครดิต

พฤกษาคิดไกลรับซื้อที่100ไร่ปลูกป่าขายคาร์บอนเครดิต

เปิดแนวคิดบริหารซีอีโอพฤกษา ประกาศรับซื้อที่ดินเพื่อส่งเสริมการปลูกป่า 100ไร่ขึ้นไปในนครราชสีมา ปราจีนบุรีและสระแก้วนำร่อง หลังปิ๊งไอเดียรุกตลาดคาร์บอนเครดิตตามเมกะเทรนด์โลกมุ่งสู่การทำธุรกิจที่ยั่งยืนด้วย ESG

เพราะรู้ดีกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยสิ้นสุดยุคทอง! หลังจาก อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอ พฤกษา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ไปถีงขยายกิจการ การลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ประกาศรับซื้อที่ดินเพื่อส่งเสริมการปลูกป่า 100ไร่ขึ้นไปในจ.นครราชสีมา ปราจีนบุรีและสระแก้ว

"ตอนนี้กำลังปลูกป่าในใจพนักงานทุกคนอยู่ เพราะอยากให้พนักงานทุกคนมีใจรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีแผนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมป่าไม้เพื่อฟื้นฟูป่า ล่าสุดประกาศรับซื้อที่ดินเพื่อส่งเสริมการปลูกป่า 100ไร่ขึ้นไปในจ.นครราชสีมา ปราจีนบุรีและสระแก้ว นำร่อง เพราะ มองว่าการสิ่งเสริมและการพัฒนที่ดินเพื่อปลูกป่าจะได้คาร์บอนเครดิตในอนาคต"

ในฐานะเป็นผู้บริหาร มองภาพพฤกษาในระยะยาวว่า จะลงทุนทำอะไรให้องค์กรสามารถเติบโตได้ในระยะยาว หนึ่งนั้นการรุกเข้าไปทำเรื่องการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
 

พฤกษาคิดไกลรับซื้อที่100ไร่ปลูกป่าขายคาร์บอนเครดิต

ทั้งนี้เนื่องจากเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ว่าพฤกษาจะมียอดขายในระดับ 1 แสนบาทต่อปี ได้เปลี่ยนไปแล้วนั่นเอง !! โดยเปลี่ยนโมเดลจากการ “ขาย” ที่อยู่อาศัยมาเป็น“ สร้างการอยู่อาศัย” หรือ Living Solution ภายใต้แนวคิดอยู่ดีมีสุขเชื่อมโยงเรื่องของสุขภาพ (Health) ให้เข้ากับการใช้ชีวิต ร่วมกับโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring income)ไม่เน้นที่ปริมาณแต่หันไปเน้นที่ประสิทธิภาพในการทำกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ด้วยการอิงกับเมกะเทรนด์โลก หันไปขยายธุรกิจบริการสุขภาพ - เฮลแคร์ ภายใต้โรงพยาบาล วิมุต เพื่อสร้างจุดแข็งโครงการที่อยู่อาศัยในเครือการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care) ซึ่งเป็นจะโมเดลธุรกิจที่จะสร้างรายได้ในอนาคต  รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจร่วมลงทุน ( Corporate Venture Fund )ในธุรกิจใหม่ ๆ

นอกเหนืออสังหาฯ ตามเทรนด์โลกอนาคต ทั้งรูปแบบร่วมพันธมิตร และการลงทุนในสตาร์อัพ เช่น สิ่งประดิษฐ์ , แพลตฟอร์มบริการทางการแพทย์ ,อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ดูแลสุขภาพ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะเป็นการต่อห่วงโซ่ธุรกิจของพฤกษา โฮลดิ้ง ให้แข็งแกร่งขึ้น

ล่าสุดการกรุยทางเข้ามารุกสู่การซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย ที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต ทั้งนี้เนื่องจากการปลูกต้นไม้ ช่วยเพิ่มออกซิเจนดูดซับ "ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์" โดยประเทศไทย ตั้งแต่ ปี 2561 สามารถนำไม้ยืนต้นมาจดหลักประกันที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อประเมินในการขอสินเชื่อได้ ทั้งยังสามารถนำมาคำนวณเครดิต เพื่อขายในตลาดการค้า "คาร์บอนเครดิต" ได้อีกด้วย 

เรียกได้ว่าเป็น"โอกาส"ทางธุรกิจที่เข้ามาช่วยในการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การปลูกต้นไม้ช่วยเพิ่มออกซิเจนในชั้นบรรยากาศและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยลดการสะสมของก๊าซเรือนกระจกสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง

โดยผูัที่ปลูก อาจจะเป็นไม่ว่าจะเป็น บริษัท หรือ ประชาชาชน สามารถวัดขนาดความสูง ความกว้าง เส้นรอบวง ต่าง ๆ ของต้นไม้และนำข้อมูลทั้งหมดใส่ให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)คำนวณและออกใบรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตที่สามารถขายได้

ปัจจุบันราคาขายของคาร์บอนเครดิต เฉลี่ยอยู่ที่ 120 บาท/ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยจะอยู่ที่ 231,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

อย่างไรก็ตามในประเทศไทยได้มีการเปิดกระดานซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต ผ่านแพลตฟอร์ม FTIX ครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต8.5% ต่อปีทว่าแนวโน้มของตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากจะได้ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและช่วยลดโลกร้อนแล้ว ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีกำไรสุทธิจากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตอีกด้วย