ภาษีอสังหาริมทรัพย์ มีคุณอนันต์ ไร้โทษมหันต์ในหมู่ชนทั่วโลก | โสภณ พรโชคชัย

ภาษีอสังหาริมทรัพย์ มีคุณอนันต์ ไร้โทษมหันต์ในหมู่ชนทั่วโลก | โสภณ พรโชคชัย

หลายคนบอกว่าในประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำกันมากเหลือเกิน ควรสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม แต่หลายคนก็ไม่รู้ว่าเครื่องมือในการสร้างความเท่าเทียมกันก็คือ ภาษี โดยเฉพาะ ภาษีอสังหาริมทรัพย์ นั่นเอง

ความเท่าเทียมคืออะไร เราก็สามารถนึกถึงสนามฟุตบอลที่หญ้าแทบทุกต้นจะสูงพอๆ กัน ไม่มีต้นไหนจะสูงไปกว่ากันมากนัก โดยเฉพาะไม่มีเหง้าขนาดใหญ่ (เปรียบเสมือนคนรวยมากๆ) ซึ่งเป็นลำต้นที่อยู่ใต้ดินซึ่งมีข้อปล้อง มีตาขนาดใหญ่กว่าหญ้าต้นอื่นๆ 

เหง้าพวกนี้โดยมากมักโดนขุดทิ้งเพราะมีขนาดใหญ่และทำให้สนามไม่ราบเรียบ กินปุ๋ย กินน้ำมากกว่าต้นหญ้าทั่วไป ด้วยเหตุนี้ในทางปฏิบัติสำหรับสังคมมนุษย์จึงมักมีภาษีมรดก อย่างในประเทศญี่ปุ่นมีการเก็บภาษีมรดกกันอย่างเข้มงวด 

เมื่อเปรียบเทียบกับของไทยต่างกันมหาศาล กล่าวคือ ผู้ที่จะเสียภาษีมรดกโดยเป็นผู้สืบสันดาน จะเสียก็ต่อเมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์เกินกว่า 100 ล้านบาท ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ของกรมธนารักษ์

ซึ่งประมาณการว่าราวหนึ่งในสามของราคาตลาด คือต้องมีราคาเกิน 300 ล้านบาทตามราคาตลาดจึงจะเสียภาษี เช่น สมมติเกินมา 50 ล้านบาท  ส่วนที่เกินนี้ก็จะเสียภาษีในกรณีผู้สืบสันดานเพียง 5% หรือเพียง 2.5 ล้านบาทเท่านั้น 

แต่ถ้าเป็นในกรณีของญี่ปุ่น ส่วนที่เกิน 156 ล้าน คือ194 ล้าน (350-156) ต้องเสียภาษีถึง 55% หรือ 106.7 ล้านบาท แถมก่อนหน้าถึงช่วงที่ 156 ล้านบาท ยังต้องเสียภาษีตามลำดับ (โปรดดูตาราง) 

ยิ่งกว่านั้นในกรณีของไทย ถ้าเราค่อยๆ ทะยอยยกให้ลูกขณะมีชีวิต ไม่เกินปีละ 40 ล้านบาท ก็ไม่ต้องเสียภาษีใดๆ  ดังนั้นในกรณีประเทศไทย จึงมีเศรษฐี มหาเศรษฐีอยู่เหนือผู้คนทั่วไปมากมายเพราะ (แทบ) ไม่ต้องเสียภาษี

ภาษีอสังหาริมทรัพย์ มีคุณอนันต์ ไร้โทษมหันต์ในหมู่ชนทั่วโลก | โสภณ พรโชคชัย

สำหรับในกรณีประเทศไทย ภาษีกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ มีส่วนลดให้ต่างหาก (ตารางประกอบ)

จะเห็นได้ว่าภาษีจากกำไรจากการขาย ก็อาจอ้างอิงตามราคาประเมินราชการ แล้วแต่จะแจ้ง มีค่าใช้จ่ายหักเหมารวมมากมาย  และอัตราภาษีก็ต่ำ แต่ถ้าเป็นในกรณีประเทศญี่ปุ่น คิดง่ายๆ แค่ว่า

1. ถ้าถือครองน้อยกว่า 5 ปี ต้องเสียภาษี 39.63%

2. ถ้าถือครองนานกว่า 5 ปี ต้องเสียภาษี 20.315%

การนี้แสดงว่าญี่ปุ่นเน้นว่าใครถือครองอสังหาริมทรัพย์สั้นๆ ก็ต้องเสียภาษีสูงเพราะอาจถือว่าเป็นการเก็งกำไร จึงต้องหักภาษีจากกำไรมากๆ เพื่อเป็นการไม่ส่งเสริมการเก็งกำไร ทำให้ผู้ซื้อบ้านตัวจริงเดือดร้อน ต้องซื้อบ้านในราคาแพงขึ้น

ส่วนที่ถือครองนานๆ ก็ต้องเสียภาษีอย่างน้อย 20.315% ของกำไร ไม่ใช่จะ “ฟัน” กำไรเข้าตัวเองโดย (แทบ) ไม่เสียภาษีเช่นในกรณีระเทศไทยที่ช่วยพวกมีทรัพย์สินมากมายนั่นเอง

ภาษีอสังหาริมทรัพย์ มีคุณอนันต์ ไร้โทษมหันต์ในหมู่ชนทั่วโลก | โสภณ พรโชคชัย

อย่างไรก็ตามหลายคนพอพูดถึงภาษี ก็จะเบือนหน้าหนี เพราะวันๆ ก็แทบจะหากินลำบาก ยังต้องจ่ายภาษีอีกหรือ ดังนั้นจึงมีความพยายามที่จะเลี่ยงภาษีกันสุดชีวิต และด้วยเหตุนี้นี่เอง ทางราชการก็จัดรายการลดหย่อนภาษีนิดๆ หน่อยๆ ให้กับประชาชนทั่วไป

และเมื่อลดหย่อนให้กับประชาชนด้วย ก็อ้าง “ความเท่าเทียม” ลดหย่อนภาษีให้กับคนรวยๆ มหาศาล ทำให้ไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศเท่าที่ควร ไหนงบประมาณยังอาจถูกเอาไปโกง หรืออาจถูกเอาไปใช้ในสิ่ง “ไร้สาระ” ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอีก

อย่างไรก็ตาม หากเราจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ถูกที่ถูกทาง ประโยชน์ที่เราจะได้จะมากกว่าภาษีเสียอีก เช่น เราเห็นคนชอบขี่จักรยานยนต์บนทางเท้าซึ่งไม่ควรทำ

เพราะอาจชนชาวบ้านหรือลูกเด็กเล็กแดงที่เดินๆ อยู่ หรือบางทีเราเห็นภาพคนอาบน้ำบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เพื่อประชดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยเหลือทำถนนให้ใหม่

ภาษีอสังหาริมทรัพย์ มีคุณอนันต์ ไร้โทษมหันต์ในหมู่ชนทั่วโลก | โสภณ พรโชคชัย

ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะเราไม่มีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียงพอ ถ้าเรามีมากกว่านี้โดยเก็บจากประชาชน เราก็อาจจ้าง “ตำรวจบ้าน” มาคอยเดินลาดตระเวนถี่ๆ ใครบังอาจขับรถขึ้นบนทางเท้า ก็จับปรับทันที คนก็จะไม่กล้าอีกต่อไป

ถ้ากฎหมายเข้มแข็ง แถมการเดินลาดตะเวนของ “ตำรวจบ้าน” พวกนี้ก็ช่วยแก้ปัญหาโจรขโมย ทำให้เราไม่สูญเสียทรัพย์สิน หรือกระทั่งสูญเสียชีวิตหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้น หรืออย่างกรณีถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ

ถ้าแต่ละเทศบาลหรือ อบต. สามารถจัดเก็บภาษีในท้องถิ่นได้เพียงพอ ก็จะทำให้มีงบประมาณในการซ่อมสร้างสิ่งต่างๆ ได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอเงินจากส่วนกลางเป็นหลัก นี่แหละภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นคุณอย่างยิ่งต่อประชาชนทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกลับมีข้อยกเว้นให้คนรวย จนสามารถถือครองที่ดินไว้ได้นานๆ โดยแทบไม่เสียภาษี หรือบางครั้งค่าเดินทางไปเสียภาษียังอาจสูงกว่าภาษีที่เสียไปเสียอีก

ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินของนายกฯ ประยุทธ์ที่เคยขายไปแล้วจำนวน 50.77 ไร่ หรือ 20,308 ตารางวา มีราคาประเมินราชการอยู่ที่ 369.51 ล้านบาท เจ้าของใหม่นำไปปลูกต้นไม้ ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา ก็ไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ในกรณีบริษัทก็เสียภาษี 0.01%-0.1% แล้วแต่ว่ามูลค่าเท่าไหร่

ภาษีอสังหาริมทรัพย์ มีคุณอนันต์ ไร้โทษมหันต์ในหมู่ชนทั่วโลก | โสภณ พรโชคชัย

ในกรณีนี้ หากสมมติตัวเลขกลางๆ ที่ 0.05% ก็เท่ากับเสียภาษีเพียง 184,755 บาทต่อปี และเมื่อก่อนหน้านี้มีลดให้ 90% เหลือเสียภาษีเพียง 18,475.5 บาทเท่านั้น

กรณีนี้นับว่าเป็นการลดหย่อนภาษีเพื่อช่วยคนรวยๆ โดยตรง แต่ถ้าเป็นในสหรัฐอเมริกาแต่ละคนต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 1-3% ของราคาตลาด (ไม่ใช่ราคาประเมินต่ำๆ เช่นในประเทศไทย)

ดังนั้น ถ้าเรามีที่ดินราคา 369.51 ล้านบาทตามราคาตลาด หรือตามราคาตลาดที่ 800 ล้านบาท และเสียภาษี 1% ปีหนึ่งๆ ต้องเสียภาษีปีละ 8 ล้านบาท ไม่ใช่ 184,755 บาทเช่นในกรณีประเทศไทย

ถ้าเราเก็บภาษีจากคนรวยๆ มาเจือจานสังคมได้ สังคมก็จะสงบสุข ไม่มีสงครามกลางเมือง  ไม่ต้องมีการปฏิวัติโดยประชาชน เช่น ในกรณีประเทศจีนหรือรัสเซียจนพวกรวยๆ ต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศจนไม่มีอะไรเหลือในที่สุด.

คอลัมน์ อสังหาริมทรัพย์ต่างแดน

ดร.โสภณ พรโชคชัย

ประธานกรรมการศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ 

บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส 

www.area.co.th

Email: [email protected]