ฮือฮา!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19

ฮือฮา!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19

ฮือฮา!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19 และยับยั้งมะเร็ง เตรียมขึ้นทะเบียน พร้อมผลักดันเป็น Soft Power ก้าวสู่ระดับนานาชาติ

ที่โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพ สถาบันเวชศาสตร์สมุฏฐาน เปิดประชุมเชิงวิชาการ เรื่อง การวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทย เพื่อก้าวสู่ระดับนานาชาติโดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ภก. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ และทีมวิจัยได้นำเสนอผลงานการวิจัยที่สำคัญของตำรับยาสมุนไพร เคอร่าซึ่งผลการทดสอบสมุนไพรตำรับเคอร่าในห้องปฏิบัติการชีวเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยาเคอร่าในหลายด้าน  พบฤทธิ์ในการยับยั้งไวรัสชนิดต่าง ๆ กว้างขวาง ฤทธิ์ป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง  ฤทธิ์ทำให้เซลล์มะเร็งตาย

 

  รศ.ดร.เกียรติทวี ชูวงศ์กมล ภาควิชาชีวเคมี ม.เกษตรศาสตร์ ยังเปิดเผยถึงในด้านการยับยั้งไวรัส พบประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนา(SARS-CoV-2) โดยกลไกการยับยั้งเอนไซม์ขยายตัวไวรัส main protease ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าฟ้าทะลายโจรถึง 600 เท่า สูงกว่ายา Ritronavir 500 เท่า รวมทั้งยับยั้งกลไกการขยายตัวเชื้อไวรัสโคโรนา ชนิด RdRp ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ายา Favipiravir นอกจากนี้ พบฤทธิ์ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาเข้าสู่เซลล์ โดยพบว่ายาเคอร่าสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อโดยกลไกการป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ โดยที่ความเข้มข้น 0.5 mg./ml. สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ถึง 90% ซึ่งมีศักยภาพที่น่าจะทำการศึกษาต่อไป

  และยังพบประสิทธิภาพการยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A ไวรัสไข้เลือดออก ไวรัสเอดส์ HIVไวรัสเริม ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญของมะเร็งปากมดลูก รวมทั้งไวรัสที่ระบาดในสัตว์ คือ FIP ในแมวและไวรัสเอดส์แมว FIV ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องเหมือนกับโรคเอดส์ในมนุษย์

ฮือฮา!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19

     นอกจากนี้ยังพบฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ โดยกลไกการยับยั้งไซโตไคน์ที่ก่อการอักเสบ คือ IL-1b, IL-6 และ TNF-alpha ซึ่งไซโตไคน์เหล่านี้มีผลทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เรียกว่า พายุไซโตไคน์ รวมถึงมีผลต่อภาวะการอักเสบในร่างกายของผู้ป่วยหลายโรค เช่น SLE, รูห์มาตอยด์ ขณะดียวกันยังพบฤทธิ์การลดความดันโลหิต โดยการยับยั้งเอนไซม์ ACE

    ผลวิจัยยังพบว่า เคอร่า มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยการยับยั้งโปรตีน EGFR ที่เกี่ยวข้องกับส่งเสริมการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งทางเดินปัสสาวะ มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม โดยพบว่ายาเคอร่าที่ความเข้มข้น 100 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร มีประสิทธิภาพการยับยั้งโปรตีน EGFR ได้เทียบเท่ายา Erlotinib ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้าที่ความเข้มข้น 1ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร และพบฤทธิ์ในการกระตุ้นโปรตีนชนิด P53 หรือ tumor protein 53 ซึ่งเป็น transcription factor ที่ควบคุมวงรอบของเซลล์ และยังมีหน้าที่ยับยั้งCaspaseเนื้องอกด้วย ทำให้ p53 มีความสำคัญในการยับยั้งมะเร็งของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์

นอกจากนั้นพบฤทธิ์การทำให้เซลล์มะเร็งตายเองแบบ Apoptosis โดยกลไกการกระตุ้นโมเลกุลสวิทช์ที่ชื่อว่า -8 และ Caspase-9 ซึ่งเป็นสวิตช์ระดับโมเลกุลสำหรับการตาย โดยความเข้มข้นที่สามารถทำให้เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิด HCT116 ตายครึ่งหนึ่งคือ 73 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งเป็นค่าความเข้มข้นที่นับว่ามีประสิทธิภาพและน่าสนใจสำหรับการวิจัยพัฒนาเป็นตำรับสมุนไพรสำหรับโรคมะเร็งต่อไป

   ขณะที่ ผศ.ดร.สุริยัน สุขติ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และคณะ เปิดเผยผลวิจัยความปลอดภัยจากการรับประทานยาแคปซูลเคอร่าในอาสาสมัคร พบว่า การรับประทานยาเคอร่า 8 แคปซูลต่อวัน (4,000) มก.ต่อวัน เป็นเวลา 14 วันติดต่อกัน มีความปลอดภัย  โดยเมื่อเปรียบเทียบผลการตรวจเลือดการทำงานของตับ ไต ค่าเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว ค่าโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ คือ CRP (C-reactive protein)  และค่าการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง

   ด้าน ดร.ภก.พยงค์ เทพอักษร และคณะ เปิดเผยถึงผลวิจัยเปรียบเทียบการได้รับยาผู้ติดเชื้อเชื้อโควิด-19 ด้วยสมุนไพรตำรับเคอร่า เปรียบเทียบกับ ฟ้าทะลายโจร และการได้รับวัคซีน  กลุ่มตัวอย่าง 2,157 คน แบ่ง 3 กลุ่มคือ พบว่า กลุ่มผู้ติดเชื้อที่รับประทานยาฟ้าทะลายโจร และรับวัคซีนมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าผู้ที่รับประทานเคอร่า อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.01)  

ฮือฮา!เผยผลวิจัยสมุนไพรไทย ยับยั้งและป้องกันติดเชื้อไวรัส โควิด 19

ด้านนายแพทย์รังสรรค์ บุตรชา ผอ.รพ.ประชาธิปัตย์และคณะ เผยถึงกลุ่มตัวอย่างผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มารักษา 230 คน โดยแบ่ง 2 กลุ่ม รับประทานยาเคอร่า และรับประทานยาโมลนูพิราเวียร์  พบว่าทั้งสองกลุ่มมีอาการดีขึ้น สมุนไพรตำรับเคอร่า มีประสิทธิภาพการรักษาไม่แตกต่างกัน

  

   ดร.ภัทร์ หนังสือ ประธานสถาบันเวชศาสตร์สมุฏฐาน เปิดเผย ว่าปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์  เคอร่าได้รับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานอาหารและยา เลขที่ทะเบียน G 40/57 เป็นยาแก้ไข้ แต่ด้วยสรรพคุณที่มากมายเนื้อกว่าแค่ยาแก้ไข้ ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้ชำนาญการ และผลงานด้านวิจัยที่ได้นำมาบอกกล่าวในงานประชุมวิชาการครั้งนี้ สมุนไพรไทยตำรับเคอร่าจึงเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศไทยในการพัฒนาเป็นหนึ่งใน Solf Power ที่จะสร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

   ทั้งนี้ผลการวิจัยทั้งหมดจะได้นำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรพัฒนา ที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคโควิด19 อันจะเป็นการส่งเสริมการใช้สมุนไพรภายในประเทศให้แพร่หลาย และส่งออกสู่ระดับนานาชาติต่อไป