รักษาการนายกฯ เยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ “SME Restart”

รักษาการนายกฯ เยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ “SME Restart”

รักษาการนายกฯ เยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ “SME Restart” ยกศักยภาพ SME สายท่องเที่ยว คาดสร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 500 ล้าน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ SME Restart ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อม ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มท่องเที่ยว 5 กลุ่มธุรกิจหลัก เชื่อมโยงกับชุมชน 15 ชุมชน รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,000 ราย พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว Next Normal ตอบโจทย์วิถีการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ คาดจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท

 

รักษาการนายกฯ เยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ “SME Restart”

 

รักษาการนายกฯ เยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ “SME Restart”

 

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ทางสสว. ได้ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำโครงการ SME Restart มีวัตถุประสงค์ เพื่อขยายการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ Sandbox เพิ่มเติม ตามนโยบายของรัฐ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ในการก้าวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ และสร้างต้นแบบกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

 

รักษาการนายกฯ เยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ “SME Restart”

 

รักษาการนายกฯ เยี่ยมชมบูธ สสว. เปิดตัวโครงการ “SME Restart”

 

“สสว.จะมีการรับสมัครผู้ประกอบการเอสเอ็มอีท่องเที่ยวทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการ พร้อมเผยแพร่ต้นแบบกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนา 15 กลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในวงกว้างทั้งแบบออนไลน์ ออฟไลน์ จากนั้น จะจัดกิจกรรม ยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยว (Tourism Transform) เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ พร้อมให้ความรู้ตามเมกาเทรนด์  อาทิ Wellness & Senior Tourism BCG & SDG เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการไปพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการ และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในยุค New Normal/Next Normal ให้กับผู้ประกอบการ จำนวน 1,000 ราย” นายวีระพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ สสว.จะจัดให้มีกิจกรรม การเชื่อมโยงธุรกิจ (Business Collaboration) เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจให้กับผู้ประกอบการจำนวน 1,000 ราย  ดำเนินการจัดทำเวิร์กชอปเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการต้นแบบธุรกิจใน 5 สาขาอาชีพ ได้แก่ บริการ พาหนะทางน้ำและบก โรงแรมและที่พัก  ร้านอาหาร นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และธุรกิจสปา กับ 15 แหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยกิจกรรมแต่ละครั้งจะประกอบด้วยผู้ประกอบการต้นแบบธุรกิจ 5 สาขาอาชีพ เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวชุมชน 15 ชุมชน เพื่อให้ได้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว แล้วนำไปพัฒนาเป็นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวต้นแบบที่ยั่งยืนต่อไป

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งได้สมัครและได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมแล้วทั่วประเทศจากพื้นที่ต่างๆ อาทิ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยชุมชนบ้านไร่กองขิง จ.เชียงใหม่ ชุมชนบ้านศาลาบัวบก จ.ลำปาง บ้านท่าชัย จ.สุโขทัย วิสาหกิจชุมชนโฮมสเตย์อนุรักษ์บ้านเชียงแหว จ.อุดรธานี ชุมชนบ้านปะอาว จ.อุบลราชธานี บ้านสวาย จ.สุรินทร์ ชุมชนตลาดน้ำคลองลัดมะยม กรุงเทพฯ ชุมชนสามพราน จ.นครปฐม ชุมชนริมน้ำจันทบูร จ.จันทบุรี  ชุมชนคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช และ วิสาหกิจชุมชนตะโล๊ะใส จ.สตูล เป็นต้น ซึ่งชุมชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์ทั้งเชิงความรู้ ทราบแนวทางความต้องการนักท่องเที่ยวที่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และยังได้รับการโปรโมทชุมชนของตนให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อไป

นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาเชิงลึกให้กับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว 15 กลุ่ม โดยดำเนินการพัฒนาในด้านต่างๆ เป็นต้นว่า สตอรี่เทลลิ่ง บิซิเนส โมเดล ดิจิทัล คอนเทนต์ เครือข่ายธุรกิจแบบ B2B, Virtual Tour ทั้งนี้ เพื่อสร้างต้นแบบกลุ่มท่องเที่ยวธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน และจัดทำต้นแบบทางธุรกิจ (Success Case) ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อเผยแพร่ให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ

ผอ.สสว. กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าว สสว.มีเป้าหมายในการสร้างผู้ประกอบการ หรือ บุคลากรที่ได้รับการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ จำนวน 1000 ราย มีผู้ประกอบการที่ได้รับการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการต้นแบบธุรกิจ กับแหล่งท่องเที่ยวชุมชน 1000 ราย/15 ชุมชน และสามารถ สร้างต้นแบบกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 15 กลุ่มธุรกิจ คาดว่า เมื่อผู้ประกอบการนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการประกอบธุรกิจ จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท

* * * * * * * * * *

สสว. เคียงข้าง SME คู่คิดที่ดีผู้ประกอบการไทย