TOEIC(R) ปรับปรุงข้อสอบวัดทักษะการฟังและการอ่าน

เพื่อให้สอดรับกับการใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนคะแนน ระดับความยากของข้อสอบ จำนวนข้อสอบ และเวลาที่ใช้ในการสอบ

Educational Testing Service (ETS) ผู้ออกข้อสอบ TOEIC(R) ประกาศปรับปรุงรูปแบบคำถามที่ใช้ในการทดสอบทักษะการฟังและการอ่าน (TOEIC Listening and Reading) โดยจะมีผลตั้งแต่การสอบ TOEIC public test ในเดือนเมษายน 2561

ภูมิหลัง

การสอบ TOEIC เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2522 เพื่อประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษในที่ทำงานทั่วโลก และมีการปรับปรุงข้อสอบครั้งล่าสุดเมื่อปี 2549 สำหรับการปรับปรุงรูปแบบคำถามในครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อให้สอดรับกับการใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานและการสื่อสารในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงไป

ข้อสอบที่ได้รับการปรับปรุงถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการสอบ TOEIC public test ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2559 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จึงเตรียมนำมาใช้ในการสอบ TOEIC public test ทั่วโลกตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป

ผลจากการปรับปรุงข้อสอบ

คุณภาพและระดับความยากโดยรวมของข้อสอบวัดทักษะการฟังและการอ่านจะยังคงเหมือนเดิม โดยยังคงเป็นการประเมินทักษะภาษาอังกฤษในที่ทำงานและชีวิตประจำวันที่มีความเป็นธรรม ถูกต้อง และเชื่อถือได้ ขณะเดียวกัน รูปแบบการสอบ เวลาที่ใช้ในการสอบ และการรายงานคะแนนก็ยังเหมือนเดิม ยกเว้นแค่มีการประเมินความสามารถด้านการฟังเพิ่มขึ้นมาหนึ่งข้อ นั่นคือ ความเข้าใจในจุดประสงค์ของผู้พูดหรือความหมายโดยนัยของวลีหรือประโยค แต่การวัดผลที่เพิ่มเข้ามาไม่มีผลต่อคะแนนรวมของผู้สอบ และคะแนนยังคงสามารถเทียบกันได้ในการสอบทุกที่

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ TOEIC Listening and Reading ได้ที่ https://www.ets.org/toeic

เกี่ยวกับการสอบ TOEIC(R)
กว่า 35 ปีมาแล้วที่การสอบ TOEIC ได้กลายเป็นมาตรฐานสากลในการวัดทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในที่ทำงาน โดยแบบประเมิน TOEIC(R) ซึ่งประกอบด้วยการสอบ TOEIC(R) Listening and Reading, TOEIC(R) Speaking and Writing และ TOEIC Bridge(TM) ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรกว่า 14,000 แห่ง ในกว่า 160 ประเทศ โดยได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางให้เป็นมาตรฐานทองคำในการวัดทักษะภาษาอังกฤษในที่ทำงาน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ TOEIC ได้ที่ www.toeicglobal.com