ผุดเวที“ฝ่ายค้าน”พบคนกรุง ล่อเป้า“ผู้ว่าฯกทม.”ขั้วรัฐบาล
กลยุทธ์ซักฟอกนอกสภาฯ ของฝ่ายค้านจะอาศัยสถานการณ์ดิสเครดิตรัฐบาลผ่านความเดือดร้อนของคนกรุง เพื่อกระทบชิ่งไปยังสนามผู้ว่าฯกทม.จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่อย่าประมาทว่า ถึงเวลารัฐบาลจะไม่ตอบโต้
เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.-นายกเมืองพัทยา ภายหลังที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 8 มี.ค. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณากำหนดวันเลือกตั้ง ก่อนแจ้งกลับมายังครม.อีกครั้ง ทำให้บรรดา “ว่าที่ผู้สมัครฯ” ผู้ว่าฯกทม.-นายกเมืองพัทยา-ส.ก. 50 เขต ต่างเร่งทำพื้นที่เก็บแต้มกันอย่างคึกคัก
โดยเฉพาะสนาม กทม.ที่สำคัญกับทุกพรรคการเมือง เพราะจะถูกใช้เป็นฐานเสียงรองรับการเลือกตั้งใหญ่ที่ใกล้จะมีขึ้น ต้องยอมรับว่ากลไกของ ผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. จะเป็นฐานคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส. ของแต่ละพรรคการเมือง
ในจังหวะที่ต้องช่วงชิงทุกความได้เปรียบ พรรคการเมืองต้องเปิดศึกเกมบนดิน ใต้ดิน เพื่อนำมาใช้ช่วงชิงความได้เปรียบ สร้างแผลให้กับคู่แข่ง เพื่อลดทอนเครดิตทางการเมือง ตัดแต้มคู่ชิงเก้าอี้ให้ได้มากที่สุด
โดยในช่วงที่ผ่านมา “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขั้วรัฐบาล โดนรับน้องก่อนใครเพื่อน
ไล่ตั้งแต่ปม “ลูกศิษย์หลานอัลเบิร์ต ไอสไตน์” แต่ เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ ตอบอีเมล์สื่อที่ส่งไปสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ปฏิเสธว่าไม่มีความสัมพันธ์กับ “อัลเบิร์ต ไอสไตน์” ทำให้ “สุชัชวีร์” ต้องออกมาแก้ประเด็นนี้ว่า เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจ แต่เครดิตทางการเมืองก็ถูกท้าทายไปแล้ว
จากนั้น “สุชัชวีร์” โดนฝ่ายค้านเล่นเกมแรง โดยคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน ตรวจสอบกรณี “สุชัชวีร์” มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ และร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ภายหลังแจ้งบัญชีทรัพย์สิน 342 ล้านบาทต่อ ป.ป.ช.
โดยเงื่อนปมดังกล่าว ถูกวางให้เป็นชนักปักหลัง “สุชัชวีร์” ต้องชี้แจงต่อ กมธ.ป.ป.ช.และชี้แจงต่อสังคม ยิ่งเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ทำนายได้เลยว่า กมธ.ป.ป.ช. จะเรียก “สุชัชวีร์” ไปชี้แจงข้อกล่าวหาเพื่อตอบข้อสงสัยเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
จึงต้องจับตาว่า “สุชัชวีร์-พรรคปชป.” จะแก้กลเกมชกใต้เข็มขัดอย่างไร ไม่ให้เสียเปรียบหรือพลาดพลั้งไปมากกว่านี้ เพราะตั้งแต่เปิดชื่อมาคะแนนจากโพลต่างๆ ก็ลดระดับลงเรื่อยๆ
ส่วนว่าที่ผู้สมัครอิสระคนอื่น อาทิ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รสนา โตสิตระกูล สกลธี ภัททิยกุล ยังไม่ถูกเปิดแผล แต่คาดว่าหลังการยื่นใบสมัคร และจับหมายเลขอย่างเป็นทางการเมือง จะมีรายการถูกตรวจสอบ หรือถูกสาดโคลนเพื่อดิสเครดิสทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะเดียวกัน เริ่มปรากฏความเคลื่อนไหวของ “ขั้วฝ่ายค้าน” จัดเวทีเสวนา ถล่มการบริหารประเทศของ “ขั้วรัฐบาล” ซึ่งมองเหลี่ยมการเมืองแล้วฝ่ายค้านตั้งใจผุดอีเวนท์ จัดเวทีในกรุงเทพฯ เพื่อสร้างการรับรู้ของคน กทม. ถึงแนวทางการบริหารงานผิดพลาด และสร้างความเดือดร้อนให้คน กทม.
โดยในวันที่ 13 มี.ค.2565 นี้ มีกำหนดจัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 2565 “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน” ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพมหานคร
รูปแบบเป็นการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชน นำทีมโดย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เลขาธิการพรรคประชาชาติ “เทวกฤต พรหมมา” รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และ “นิคม บุญวิเศษ” หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย
เรียกได้ว่าฝ่ายค้านมากันแบบจัดเต็ม จัดหนัก คัดตัวระดับแม่เหล็ก ถล่มการบริหารงานของรัฐบาลนอกสภา เพื่อหวังผลกระทบชิ่ง “สุชัชวีร์-สกลธี” ซึ่งอยู่ในลิสต์ผู้สมัครจากพรรคการเมือง “ขั้วรัฐบาล”
เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เวทีฝ่ายค้านพบประชาชน มักจะถูกจัดขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์งานนิติบัญญัติในสภาฯของฝ่ายค้าน และรับฟังความเดือดร้อน และข้อเสนอจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา
ทว่า เวทีฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน ในวันที่ 13 มี.ค.ที่จัดในโรงแรมกลางกรุง ประจวบเหมาะกับไทม์มิ่งใกล้เปิดศึกเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. จึงไม่พ้นถูกมองว่ามีนัยทางการเมือง เพราะเป็นที่รู้กันว่าสนาม กทม.รัฐบาล มักจะเสียเปรียบทุกคราว
ที่สำคัญคนกรุงมักจะเลือกเชิงยุทธศาสตร์ มีโอกาสสูงที่จะไม่เลือกผู้ว่าฯ กทม.ในขั้วรัฐบาล เพื่อต้องการคนจะมาคานอำนาจการบริหารงานของรัฐบาล อาจทำให้ว่าที่ผู้สมัครจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ฝ่ายอิสระ หรือขั้วฝ่ายค้านมีโอกาสได้เปรียบไม่น้อย
น่าจับตาว่า กลยุทธ์ซักฟอกนอกสภาฯ ของฝ่ายค้านจะอาศัยสถานการณ์ดิสเครดิตรัฐบาลผ่านความเดือดร้อนของคนกรุง เพื่อกระทบชิ่งไปยังสนามผู้ว่าฯกทม.จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่อย่าประมาทว่า ถึงเวลารัฐบาลจะไม่ตอบโต้