"ประวิตร"นำถก"กบฉ." เคาะต่อ "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ชายแดนใต้ ยกเว้น8อำเภอ

"ประวิตร"นำถก"กบฉ." เคาะต่อ "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ชายแดนใต้ ยกเว้น8อำเภอ

"ประวิตร" นั่งหัวโต๊ะ ถก กก.บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เผย ภาพรวมก่อเหตุรุนแรงชายแดนใต้ ลดต่อเนื่อง ขยายประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พื้นที่ร้ายแรง ครั้งที่67 ต่ออีก3เดือน ยกเว้น 8 อำเภอ ตั้งแต่ 20 มี.ค-19มิ.ย. นี้ สั่ง เข้มงวดด้านการข่าว เฝ้าระวังพื้นที่

ที่ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่1/2565 

โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการปฎิบัติงานตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วง 20 ธ.ค.64 ถึง10 ก.พ.65  ซึ่งภาพรวมสถานการณ์การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และประชาชนได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยดีที่ผ่านมา รวมถึงรับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามแผนปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีแนวโน้มและโอกาสปรับลดพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา เห็นชอบตามข้อเสนอของ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้าในการขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ยกเว้น อ.ศรีสาคร ,อ.สุไหงโก-ลก ,อ.แว้ง ,อ.สุคิริน จ.นราธิวาส  อ.ไม้แก่น ,อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง ,อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3เดือน ทั้งนี้ ตั้งแต่ 20 มี.ค.ถึง 19 มิ.ย.65 โดยเป็นการขยายระยะเวลา ครั้งที่ 67 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต่อไป 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กองทัพภาค4 ,กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้าให้เข้มงวดงานด้านการข่าว และเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดน รวมถึงเร่งพิจารณาการปรับลดพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ และส่งเสริมเศรษฐกิจ และให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย

พล.อ.ประวิตร  ยังได้กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงาน ที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเท จนกระทั่ง สถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามลำดับ และได้ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดี ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัย ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืนต่อไป