"ประวิตร"ถกแผนบูรณาการ CCTV ทั่วประเทศ จ่อชง "ครม." มอบ "มท.-สตช." ดำเนินการ

"ประวิตร"ถกแผนบูรณาการ CCTV ทั่วประเทศ จ่อชง "ครม." มอบ "มท.-สตช." ดำเนินการ

"ประวิตร" นั่งหัวโต๊ะ ถก บูรณาการเชื่อมโยง กล้อง CCTV ทั่วประเทศ เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติ ปี65-67 มุ่ง ป้องปราม เฝ้าระวัง สืบสวนสอบสวน ดูแลความปลอดภัยปชช. จ่อ เสนอ "ครม." มอบหมาย "มท.-สตช." ดำเนินการ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั่วประเทศ ผ่านระบบ VTC ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อเร่งขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั่วประเทศ

โดยที่ประชุมรับทราบความคืบหน้า การดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทย ในแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบกล้อง CCTV และการเร่งรัดคัดเลือกกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จำนวนร้อยละ 20 ของจำนวนกล้องทั้งหมด รวม 75,476 ตัวในแต่ละจังหวัดแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมเชื่อมโยงและจัดเก็บข้อมูลภาพที่ระบบบริหารจัดการส่วนกลางต่อไป และรับทราบแผนเร่งรัดบูรณาการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนและด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ปี 65 รวมทั้งแนวทางการจัดหาระบบกล้อง CCTV ในพื้นที่ กทม. และจังหวัดต่างๆ

"ประวิตร"ถกแผนบูรณาการ CCTV ทั่วประเทศ จ่อชง "ครม." มอบ "มท.-สตช." ดำเนินการ

จากนั้นได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) ทั่วประเทศ ปี 65 - 67 มุ่งใช้ประโยชน์ ทั้งการป้องปรามและเฝ้าระวัง การสืบสวนและสอบสวน รวมทั้งการจราจร มีวัตถุประสงค์ ขับเคลื่อนการเชื่อมโยง รวมทั้งกำหนดรูปแบบและมาตรฐานระบบกล้องและการเชื่อมโยง โดยให้นำแผนเสนอ ครม. และมอบให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามแผน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบ CCTV ทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการเชื่อมโยงระบบฯ ให้ครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำนโยบายรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญและต้องการเร่งรัดบูรณาการเชื่อมโยงระบบกล้องวงจรปิดทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคมส่วนรวมโดยตรง ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและเพิ่มความเป็นธรรมในสังคม โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาในภาพรวม มีความล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นมาก 

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ดังนั้น การขับเคลื่อนบูรณาการเชื่อมโยงระบบ จึงต้องให้ความสำคัญและต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมกล้องที่เสียจำนวนมากให้สามารถใช้งานได้ โดยกำหนดจุดติดตั้งให้เหมาะสม และสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันนำขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลโดยเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ชายแดน รวมทั้งเมืองใหญ่ โดยให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พิจารณาขับเคลื่อนการเชื่อมโยงระบบ และระบบ AI มาใช้บูรณาการข้อมูลจากระบบกล้องไปพร้อมๆกัน เพื่อเร่งดูความปลอดภัยของประชาชนและเพิ่มความเป็นธรรมในสังคมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่