เก้าอี้ร้อน “ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ” “วาระ”ลักลั่นใน รธน. 2 ฉบับ

เก้าอี้ร้อน “ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ”  “วาระ”ลักลั่นใน รธน. 2 ฉบับ

ความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับวาระประธานศาลรัฐธรรมนูญ ต้องตีความอย่างรอบคอบ หากยึดหลักตีความเข้าข้างตัวเอง อาจถูกนำไปเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นได้ โดยเฉพาะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความลักลั่นจากรัฐธรรมนูญในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน

เกิดปมร้อนภายใน “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เมื่อ “วรวิทย์ กังศศิเทียม” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ จะมีอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ (เกิด 1 มี.ค.2495) ทำให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับคุณสมบัติของ “วรวิทย์” ว่าจะยึดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือรัฐธรรมนูญปี 2560

โดยรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระในตำแหน่งไม่เกิน 9 ปี หรือต้องอายุไม่เกิน 70 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเรื่องใดมาถึงก่อนหลัง กรณีของ “วรวิทย์” จะอายุครบ 70 ปีก่อนถึงวาระ 9 ปี ซึ่งวรวิทย์ ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2557 และอยู่ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐรรมนูญมาแล้ว 7 ปี 6 เดือน

สำหรับรัฐธรรมนูญปี 2560 กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระในตำแหน่งไม่เกิน 7 ปี หรือต้องอายุไม่เกิน 70 ปี แต่สามารถขยายอายุไม่ให้เกิน 75 ได้

ปมดังกล่าวทำให้เกิดความเห็นแย้งกันเองของ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ทั้ง 9 คนทำให้ต้องหารือกัน “นอกรอบ” เพื่อเคลียร์ปัญหาให้แล้วเสร็จ แต่ความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เป็นเอกฉันท์ เพราะช่องว่างของรัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ลักลั่นกันอยู่

ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ประกอบด้วย 1.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด 2.ศ.พิเศษ ดร.จิรนิติ หะวานนท์ รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 3.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 4.นายวิรุฬห์ แสงเทียน รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา

5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด 6.ศ.ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ 7.ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ 8.นายปัญญา อุดชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ 9.นายนภดล เทพพิทักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิทางราชการ

มีกระแสข่าวว่า กรณีนี้ความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แบ่งออกเป็น 2 ขั้ว

โดยขั้วแรกมี 5 เสียง ต้องการให้ทำตามข้อเสนอของสำนักงานเลขาธิการศาล โดยนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมวันที่ 23 ก.พ. ซึ่งขั้วนี้มีแนวทางให้นำรัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญปี 2560 มาฟิวชั่นกัน

โดยมีความเห็นสอดคล้องกันว่า “วรวิทย์” สามารถดำรงตำแหน่ง อยู่ในวาระต่อไปครบ 9 ปี ตามรัฐธรรมนูญ 2550 และขยายอายุจากไม่เกิน 70 เป็นไม่เกิน 75 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 เปิดช่องไว้

ขั้วที่สองมี 4 เสียง เห็นว่า ความเห็นของขั้วแรกไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก “วรวิทย์” ได้ประโยชน์จากการสรรหาตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่กำหนดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี

ขณะที่ “วรวิทย์” เอง ได้ให้สำนักงานเลขาธิการศาล ยึดเกณฑ์อายุตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่กำหนดวาระดำรงตำแหน่งให้สามารถขยายอายุจาก 70 ปี ได้ถึง 75 ปี

อย่างไรก็ตาม มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนแย้งว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิวินิจฉัยได้ด้วยตัวเอง ว่ากรณีของ “วรวิทย์” มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ดังนั้นควรเป็นหน้าที่ของกรรมการสรรหา ซึ่งในรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 มาตรา 208 ระบุว่า 

“ให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัคร ผู้ได้รับการคัดเลือกหรือได้รับการสรรหา ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัย คําวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด”

ขณะที่อีกด้านได้มีความเห็นว่า ไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดที่วินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญได้ หากปล่อยให้มีองค์กรหรือหน่วยงานใดทำได้ จะเกิดบรรทัดฐานใหม่ทางกฎหมายทันที โดยเฉพาะ “วงการศาล” ที่อาจมีการฉวยโอกาสยื่นให้วินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในกรณีนี้ และกรณีอื่นในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนมีความเห็นว่าในการประชุม หากมีการพิจารณาวาระดังกล่าว “วรวิทย์” ก็ไม่ควรอยู่ในห้องประชุม เพราะตนเองมีส่วนได้ส่วนเสีย เนื่องจากมีีแนวโน้มว่า “วรวิทย์”จะเข้าร่วมโหวตวาระดังกล่าวด้วย เพราะหากตัดคะแนนของ“วรวิทย์”ออก จะทำให้เสียงของสองขั้วเท่ากันที่ 4 ต่อ 4 เสียง

ปมความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่ง “ประธานศาลรัฐธรรมนูญ” ในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ จำเป็นต้องตีความรัฐธรรมนูญอย่างรอบคอบ เพราะหากยึดหลักตีความเข้าข้างตัวเอง อาจถูกนำไปเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นได้

โดยเฉพาะปมการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความลักลั่นจากรัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญปี 2560 ในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน

ต้องจับตาว่า วาระร้อนในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ ที่สุดผลจะออกมาอย่างไร