"หญิงหน่อย" เชื่อไม่มีปรากฏการณ์ "ไฮแจ๊ค" เก้าอี้นายกฯ แค่ต่อรองผลประโยชน์

"หญิงหน่อย" เชื่อไม่มีปรากฏการณ์ "ไฮแจ๊ค" เก้าอี้นายกฯ แค่ต่อรองผลประโยชน์

"สุดารัตน์" เชื่อ ยังไม่มีปรากฏการณ์ "ไฮแจ๊ค" เก้าอี้นายกรัฐมนตรี มองเป็นเกมต่อรองผลประโยชน์ ชิงอำนาจภายใน รบ. อุบตอบ ทาบ "มิ่งขวัญ" ร่วมก๊วน บอกยังไม่ได้คุยกัน แต่ชื่นชมเป็นคนเก่ง แนะ รบ. ลดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันช่วย ปชช. 

19 ก.พ.2565 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นถึงสถานการณ์การเมืองไทยหลังจากนี้ โดยเชื่อว่ายังไม่มีปรากฏการณ์ไฮแจ็ค หรือการปล้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เร็วๆนี้ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยังไม่ลาออกหรือยุบสภา ซึ่งฉายภาพจากเวทีอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ในการชี้แจงตอบโต้ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังคงจะเกาะเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่ 

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังมองว่า หลังจากนี้การเมืองจะเป็นเรื่องของเกมผู้มีอำนาจ ที่มีการแย่งอำนาจกันเองภายในรัฐบาล หรือหมายถึงเกมต่อรองตำแหน่งต่างๆ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง โดยอ้างอิงกระแสข่าวว่ารัฐบาลจัดงบกลางให้ ส.ส. ที่อาจเป็นผลประโยชน์ ทำให้วิเคราะห์ได้ว่านายกรัฐมนตรีจะยังไม่คิดเปลี่ยนแปลงหรือลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหรือยุบสภาในช่วงนี้

และหากจัดตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรี และผลประโยชน์ก็ลงตัว รัฐบาลก็จะสามารถผ่านเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ในช่วงเดือนพฤษภาคม และไม่มีการยุบสภาหรือลาออก เว้นแต่จัดผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ลงตัวก็มีความเสี่ยง ในช่วงนั้นๆ 

สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคไทยสร้างไทย หลังมีกระแสข่าวว่า อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ที่ประกาศลาออกกลางสภา อาจจะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคไทยสร้างไทย ประธานพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายมิ่งขวัญ แต่ยอมรับว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานประสบความสำเร็จ และเคยได้ร่วมงานกันมา 

ทั้งนี้ มีแพลนเปิดตัวผู้มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรค สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนไม่ได้รับการเยียวยาจากปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาล จึงฝากเตือนไปยังรัฐบาล ว่าเสียงที่มีในสภาแม้จะมีเสียงข้างมากแต่รัฐบาลลุแก่อำนาจ มุ่งแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก รัฐบาลต้องพิจารณาตัวเอง ว่าไม่มีการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน 

ประธานพรรคไทยสร้างไทย ยังเสนอแนะให้รัฐบาลลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิดเป็นระยะเวลา 1 ปี  เพื่อลดต้นทุนสินค้าต่างๆ  แล้วรัฐบาลสามารถไปเก็บภาษีปลายทางจัดเก็บเป็นรายได้ และลองให้คิดว่าเงิน 200,000 ล้านบาทที่รัฐบาลจะเก็บภาษีนำมาใช้กับประชาชน ดีกว่านำไปจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์ เรือดำน้ำ หากคิดไม่เป็นก็ไม่รู้ว่าจะให้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองต่อไปได้อย่างไร ทุกคนก็ไล่แต่นายกก็ไม่ยอมไป