"สุชาติ" เผย5ส.ส. ศก.ไทย อยากกลับ "พปชร." ขู่ "พท." ป่วนสภา อยาก เลือกตั้ง หรือ

"สุชาติ" เผย5ส.ส. ศก.ไทย อยากกลับ "พปชร." ขู่ "พท." ป่วนสภา อยาก เลือกตั้ง หรือ

"สุชาติ" ลั่น ฟื้นความยิ่งใหญ่ "พปชร." เชื่อ "รัฐบาล" ครบเทอม เตือนส.ส.ใหม่ ยึดอุดมการณ์ อย่าให้สิ่งแปลกปลอม ปั่นความคิด ซัด ฝ่ายค้าน ไร้วุฒิภาวะ ตีรวน สภา ขู่ ส.ส.พท. อยากเลือกตั้งหรือ เผย 5 ส.ส. เศรษฐกิจไทย อยากกลับรังเก่า โว รอบหน้า กวาด150 ที่ ไม่ยาก จ่อเขียนทายแทงให้เดิน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์รายการสุดกับหมาแก่ ทางเนชั่นทีวี ช่อง22 ถึงประเด็นการขับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และส.ส.ในกลุ่ม ไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย เพื่อต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ก่อนเปิดสมัยประชุมสภา พ.ค.หรือไม่อย่างไร ว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่มีการกำหนดเกม ส่วนคนที่จะมาช่วยเหลือพรรคหลังจากกลุ่มร.อ.ธรรมนัส พ้นไป ก็มี รัฐมนตรีของพรรคไม่กี่คน ส่วนกรณีที่ตนเข้ามาเป็นรักษาการผอ.พรรค ก็เคยเป็นรองหัวหน้าพรรคมาก่อน ก่อนที่ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นเลขาฯพรรค 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเนื้อเดียวกัน ตนเจอหัวหน้าพรรคตอนเช้า ประชุมกับนายกฯ ช่วงบ่าย ทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกันอยู่ ตนในฐานะรักษาการผอ.พรรคต้องทำทุกวิถีทางให้ทุกคนมีความสามัคคี มองไปในแนวทางเดียวกันให้หมด 

ส่วนข้อสังเกตที่ว่า การปรับโครงสร้างพรรคล่าสุด ไม่มีคนของกลุ่มสามมิตรนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นรองหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว มีตำแหน่งอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ส่วนนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็เป็นกรรมการบริหารพรรค อยู่แล้ว

"จริงๆแล้วในพรรคพลังประชารัฐ วันนี้จะมองว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ไม่ได้แล้ว เพราะมันต้องสามัคคีเป็นหนึ่งก็ต้องช่วยกัน ผมเรียนหัวหน้าพรรคไปเมื่อวันศุกร์ ตั้งผมเป็นผอ.พรรค การทำงานการเมือง ผมไม่สามารถทำได้คนเดียวทั้งประเทศ นายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคนายสุริยะ จะต้องให้ช่วยตัวที่ถนัด ผมเองได้แค่ส่วนนึง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ก็อีกโซนหนึ่ง มันไม่สามารถทำได้คนเดียวสุดท้าย การที่เราจะทำการเมืองให้พรรคพลังประชารัฐ กลับมายิ่งใหญ่มากกว่าเดิม ทุกคนต้องเป็นหนึ่งใจรวมกัน ที่ผ่านมาเราปล่อยให้คนข้างนอกมองเราไม่ดีมานานแล้ว" นายสุชาติ ระบุ 

ส่วนการโพสต์เฟซบุ๊คของตน เพื่อยืนยันว่ายังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ นั้น สิ่งที่โพสต์เป็นการพูดความในใจให้ทุกคนรู้ บางครั้งเพื่อนๆ ก็ฟังจากสื่อแล้วมาถามตนว่า ตกลงพรรคเราเป็นอย่างที่สื่อว่าหรือไม่ ตนก็บอกไปว่า ทุกวันนี้ให้ทุกคนยึดมั่นในวันที่เรามาพรรคพลังประชารัฐเพราะอะไร เราต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ให้ทุกคนปฏิบัติตัวเหมือนเดิม ยึดมันอุดมการณ์เดียวกัน ซื่อสัตย์ในอุดมการณ์ตัวเอง ตนก็บอกไปอย่างนี้ วันนี้ขอให้ตั้งสติเราเป็นผู้แทนฯ เพราะอะไร ขอให้มีอุดมการณ์เดียวกัน ถ้าไม่มีอุดมการณ์เดียวกัน เกิดความไม่เชื่อมั่นกันมันเดินต่อไม่ได้ 

"น้องๆ ที่เพิ่งเข้ามาใหม่สมัยแรก เรายังบอก การเมืองไม่ใช่อย่างที่ทุกคนมอง การเมืองมันต้องมีอุดมการณ์ มีความเคารพในหัวหน้าพรรค เคารพในมติของพรรค ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดว่าการเมืองเล่นกันแบบที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันไม่ใช่ มันอาจจะมี สิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามา ปลุกปั่นความคิดความอ่าน ทำให้อุดมการณ์ที่คิดอยู่เปลี่ยนไปบ้าง หรือมองจากสิ่งที่ดีเป็นสิ่งไม่ดี แทนที่จะทำให้รู้สึกรักพรรคมากขึ้น หรือทำงานให้กับพี่น้องประชาชนมากขึ้น กลับมองเรื่องของการอยู่ ตรงนี้หรืออยู่ตรงนั้นดี อยู่ตรงไหนดีกว่ากันไม่ได้ เพราะที่อยู่ๆ แล้วบ้านนี้มีความสุขหรือไม่ ถ้าบ้านนี้มีความสุข ลุงป้อมดูแลดี เรามีความสุข เราต้องยอมรับว่าถ้าเราไปอยู่บ้านหลังอื่นก็ไม่รู้ว่า ครอบครัวหลังใหม่นั้น จะเป็นอย่างไร" นายสุชาติ กล่าว

ส่วนเรื่องที่มองกันว่า กลุ่มร.อ.ธรรมนัส มีปัญหากับพรรค เพราะเชื่อมโยงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ผมมีมารยาทมีความเป็นพี่เป็นน้อง การที่ใครไม่อยู่กับครอบครัวเราแล้ว ก็ไม่อยากพูดถึงเขา ไม่อยากวิจารณ์ แต่ว่าตนกำลังบอกว่า การประชุมพรรคล่าสุด หัวหน้าพรรคกำชับเรื่องการให้ข่าวแต่ละครั้ง อย่าให้คนโน้นให้คนนี้ให้ไม่เอาแล้ว ต่อไปนี้ให้ 4-5 คนก็พอ การจะให้ข้อมูลอะไรที่เป็นบวกเป็นลบกับพรรค หรือประเทศชาติ พล.อ.ประวิตร บอกจะต้องให้เลขาฯพรรค อนุมัติ โฆษกพรรคออกไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ใช่เอาไมค์จ่อก็พูดหมด ถ้าส.ส.คนนั้นไปรับข้อมูลผิดมาก็ไปกันใหญ่ ดังนั้น ตนต้องสร้างความสามัคคีในพรรคให้ได้ 

"ผมคาดหวังให้พรรคพลังประชารัฐ ตั้งใจให้เป็นสถาบันการเมือง ผมต้องรับหน้าที่หนัก ผมต้องกังวลตัวผมว่า จะมีพลังพอไหม ผมก็คุยกับหัวหน้าภาคหมดแล้วไม่มีใครมีปัญหา" นายสุชาติระบุ 

ทั้งนี้ การเมืองภาพใหญ่จะไปต่อไว้หรือไม่ ท่ามกลางหลายปัญหาที่เผชิญในขณะนี้ นายสุชาติ ระบุว่า อยากให้แยกเป็นประเด็น พลังประชารัฐเป็นส่วนของในบ้าน ทุกคนคุยกันหมดแล้วเราทำได้ เรื่องขององค์ประชุมสภา มีองค์ประกอบหลายอย่าง การประชุมสภาเรื่องกฎหมายในวันพุธ ไม่ต้องโหวตให้ผ่าน เราทำหน้าที่กันครบสมบูรณ์แล้ว แต่พอวันพฤหัสบดี ที่มีปัญหากันซึ่งเป็นวาระการรับทราบรายงาน ซึ่งไม่มีรายละเอียดอะไรกันมากแต่มีการนับองค์ประชุม 

"ผมคิดว่าฝ่ายค้านน่าจะมีวุฒิภาวะที่มากกว่านี้ ใช้คำนี้เลย คือวุฒิภาวะที่บอก ตั้งแต่ผมเป็นผู้แทนฯ ตั้งแต่ปี 54 ก็พร้อมๆ กับพวกเขาที่นั่งอยู่ ไม่มีใครเขาทำแบบนี้ นอกจากเป็นกฎหมายสำคัญที่จะต้องใช้องค์ประชุม อันนี้จริงๆองค์ประชุมก็ครบอยู่แล้ว ถ้าเกิดฝ่ายค้านเขากดให้ 10 คน 20 คน ก็ครบแล้ว นี่กดแค่ 5 คนเอง มันเป็นเรื่องเกมในสภา ทำให้พี่น้องประชาชนตำหนิผู้แทนฯ ทั้งหมด มันไม่ควรเกิดขึ้น ใครก็แล้วแต่ที่เสนอนับองค์ประชุม มันไม่ใช่ฮีโร่ อย่ามองเป็นภาพฮีโร่ อันนี้มันไม่ถูกต้อง เพราะคุณนั่งอยู่แล้วถ้าองค์ประชุมไม่ครบโดยสายตาไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณนั่งอยู่แล้วเสนอนับองค์ประชุม คุณไม่เสียบบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุม คุณจะเสนอนับทำไม ถ้าผมเป็นคนเสนอนับองค์ประชุม ผมมีความเป็นลูกผู้ชายพอ ผมต้องกดบัตรแสดงตนด้วย แต่นี่เสนอนับองค์ประชุมเพื่อแกล้ง ตีรวนให้สภาดูย่ำแย่ มันยิ่งทำให้เขาตราหน้าสภา" นายสุชาติ ระบุ 

"เมื่อวันพุธผมเข้าสภา ก็ไปนั่งอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพื่อนผม หลายสิบคน นั่งคุยกันกินกาแฟกันผมก็คุยกับทุกคนว่าต้องช่วยกันพี่ๆ ทั้งนั้นที่นั่งกันอยู่ พวกพี่พร้อมเลือกตั้งหรือผมถามอย่างนี้ พี่อยากเลือกตั้งหรือ ไม่มีใครอยากเลือกตั้งหรอก คุณเข้ามาแล้วก็ต้องทำหน้าที่ ให้ครบสมัยเป็นเกีรยติประวัติ ทุกคนไม่อยากเลือกตั้งแล้วคุณเล่นอย่างนี้ทำไม ผมถามอย่างนี้ มันก็บอกว่าเป็นแค่บางคนเท่านั้นแหละ แต่พอเป็นเรื่องบางคน เป็นเรื่องของพรรคเขาแล้วก็ไม่กล้า แต่ผมก็พยายามเตือน ถ้าเราอยู่ในสภาด้วยกัน ตั้งแต่ปี54 พวกพี่เป็นรัฐบาล ก็ไม่เห็นมีใครมานับองค์ประชุม ทุกวันทุกครั้ง ก็มองมุมกลับกันบ้างผมบอกอย่างนี้" นายสุชาติ ระบุ 

"ผมยืนยันว่ารัฐบาลอยู่ครบเทอม การที่เราผ่านจุดยากมาแล้วหลายรอบ ตั้งแต่เรามีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านแค่3 เสียง เราก็ผ่านมาได้ ผมพูดตลอดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทยมีจริง ก็พาให้เราผ่านด่านสำคัญๆมาได้ทุกครั้ง ตั้งแต่เลือกตั้งมาผมผ่านด่านยากๆ มาทั้งนั้นเลย ยากกว่านี้เยอะ ในความคิดส่วนตัวผม ผมเชื่อมั่นนายกฯ เชื่อมั่นศักยภาพของพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อมั่นพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ผมเชื่อว่าทุกคนมีอุดมการณ์ เดินสู่การครบวาระจะทำอะไรให้ประเทศชาติได้อีกเยอะ" รมว.แรงงาน ระบุ 

ขณะที่มีการมองกันว่า การอยู่ครบเทอม แต่ก็ตัวแปรคือพรรคเศรษฐกิจไทยและพรรคเล็ก หากรวมกัน จะมีเกือบ 30 เสียงนั้น สามารถบริหารจัดการได้หรือไม่ว่า ตนอาจจะไปก้าวล่วงพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ได้ แต่ตอนนี้วิเคราะห์ มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้ ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้าพูดกันด้วยพื้นฐานความเป็นจริง อย่างพรรคเล็กก็ออกมาให้สัมภาษณ์หลายคน สิ่งที่มีคนไปแอบอ้างว่า จะไปอยู่กับฝ่ายค้านเขาก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ เพราะเขาร่วมรัฐบาล บลั๊ฟกันไป บลั๊ฟกันมา ก็ไม่อยากไปพูดให้กระทบกับบุคคลอื่น 

"ในพรรคเศรษฐกิจไทยเองตอนที่ไป เขาก็พูดในพรรค ตอนที่โดนขับ เขาจะช่วยรัฐบาล ถ้าคนที่พูดวันนั้น เกิดเรากรอเทปกลับ คนที่พูดวันนั้นไม่พูดความเป็นจริง ก็เป็นตราบาปติดตัว ถ้าเกิดพูดแล้วว่าออกไปแล้วช่วยสนับสนุนรัฐบาล แล้ววันนึงไม่สนับสนุนรัฐบาล มันก็ต้องรีเทปกลับวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น ในวันนึงหากรัฐบาลต้องการเสียงให้ผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรืออะไรที่สำคัญ วันนั้นท่านพูดกันมาแล้วว่าออกไปแล้วสนับสนุนรัฐบาล แต่เรื่องพ.ร.บ. ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรก็ว่าไป" 

นายสุชาติ ระบุว่า พรรคเศรษฐกิจไทยพูดชัดเจนว่า ออกไปไม่ได้ต่อรองตำแหน่ง มีการปฏิเสธตั้งแต่แรก ต้องยึดถือคำพูดตรงนี้เป็นลูกผู้ชาย คำพูดคือนาย 

"ผมว่าที่ออกไปหลายท่านก็มีอยากกลับมาหลายคนเหมือนกัน เพื่อนผมเองที่ออกไปก็อยากจะกลับ บางคน แต่บังเอิญว่ากลับไม่ได้มันออกไปแล้ว คนที่อยากจะกลับมี 4-5 คน เพื่อนคือเพื่อนอยู่คนละพรรคก็ยังคุยกันอยู่ เราก็เป็นห่วงเลือกตั้งครั้งหน้า จะเอาอย่างไร บางคนก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาอย่างไร เราก็ห่วงเพื่อนอยากให้กลับมาเป็นผู้แทนฯ สมัยหน้าทุกคน" นายสุชาติ ระบุ 

นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังยืนยันว่า การแพ้เลือกตั้งซ่อมที่เขตหลักสี่ไม่สะเทือนพลังประชารัฐ พลังประชารัฐก่อตั้งมาครั้งแรกไม่มีส.ส.สักคนเดียว พอเลือกตั้งได้มาประมาณ 120 คน วันนี้มีส.ส.เหลืออยู่ประมาณเกือบ 100 คน จะทำอีก 50 คนมันยากตรงไหน ไม่ยาก สิ่งที่จะนำไปขายชาวบ้านมีเยอะแยะ รอดูแล้วกัน เรื่องนโยบายทุกคนต้องแข่งขันกันอยู่แล้ว ส.ส.ที่มีอยู่ ต้องให้เชื่อมั่น เขียนลายแทงให้เดิน เดินแบบไหน ขยายพื้นที่อย่างไร นี่คือสิ่งที่ตนต้องไปทำ