'ปิยบุตร' ชี้เลือกตั้ง 8 ก.พ.สำคัญ คืน 4 ความปกติให้การเมืองไทย

'ปิยบุตร' ชี้เลือกตั้ง 8 ก.พ.สำคัญ คืน 4 ความปกติให้การเมืองไทย

'ปิยบุตร' ร่ายยาวอธิบายความสำคัญ เลือกตั้ง 8 ก.พ. คืน 4 ความปกติให้การเมืองไทย สส.คนโหวตเลือกนายกฯ พรรคได้เสียงอันดับ 1 ตั้งรัฐบาล จากเจตจำนง ปชช.

KEY

POINTS

  • นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ชี้ว่าการเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69 เป็นโอกาสสำคัญในการฟื้นฟู 4 ความปกติกลับสู่การเมืองไทย
  • นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกของ สส. 500 คนเท่านั้น โดยไม่มีอำนาจของวุฒิสภาเข้ามาเกี่ยวข้อง
  • พรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่งต้องได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และแคนดิเดตของพรรคต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรี
  • นายกรัฐมนตรีต้องเป็น สส. และองค์ประกอบของรัฐบาลต้องสะท้อนเจตจำนงของประชาชนตามผลการเลือกตั้งโดยตรง

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2568 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการเลือกตั้ง 8 ก.พ. 2569 คืน 4 ความปกติให้การเมืองไทย โดยระบุตอนหนึ่งว่า ในการเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569 ที่จะมาถึงนี้ ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ จะมีโอกาสร่วมกันกำหนดชะตากรรมของประเทศ ร่วมกันสร้างความปกติกลับคืนสู่การเมืองไทยใน 4 ประการ

ประการแรก ผลการเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 สามารถกำหนดบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยใช้เสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราฎร 500 คน โดยไม่มีวุฒิสภามาลงมติด้วย การเลือกตั้ง 8 ก.พ.2569 แตกต่างจากการเลือกตั้ง 2562 และ 2566 ที่วุฒิสภา 250 คนที่หัวหน้าคณะรัฐประหารแต่งตั้งมีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี จนทำให้หัวหน้าพรรคการเมืองหรือแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 และสามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้แล้ว แต่กลับไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้

ประการที่สอง พรรคการเมืองที่ได้จำนวน สส.มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ต้องได้เป็นแกนนำในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล และหัวหน้าพรรคหรือแคนดิเดทของตนต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ดังจะเห็นได้จาก การเลือกตั้งภายหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ที่พรรคอันดับหนึ่งได้เป็นแกนนำรัฐบาลและหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ในหลายกรณีที่พรรคอันดับหนึ่งเฉือนชนะพรรคอันดับสองไปเพียง 2-3 ที่นั่ง แต่พรรคอันดับสองก็ไม่แย่งตั้งรัฐบาล ยอมไปเป็นฝ่ายค้าน หรือการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 หรือ 2550 ที่พรรคอันดับหนึ่งได้เป็นแกนนำรัฐบาลและผู้นำพรรคของตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 

ประการที่สาม นายกรัฐมนตรีต้องเป็น สส. หลักการนี้เป็นผลพวงของการต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ที่ป้องกันมิให้พรรคการเมืองไปสวามิภักดิ์กับอำนาจนอกระบบ อัญเชิญเอา “คนนอก” ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคใดเลย (ส่วนมากก็มักเป็นทหารหรือผู้ก่อรัฐประหาร) เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังสร้างธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกต้องในระบบรัฐสภา ที่สภาผู้แทนราฎรและคณะรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์ยึดโยงกัน คนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องกลัวสภา หนีสภา รังเกียจสภา ไม่ต้องเหาะเหินมาจากที่ไหน แต่ต้องเป็นคนที่เคยเป็น สส. และให้ความสำคัญกับสภาผู้แทนราษฎร  

'ปิยบุตร' ชี้เลือกตั้ง 8 ก.พ.สำคัญ คืน 4 ความปกติให้การเมืองไทย

ประการที่สี่ เจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งสะท้อนโดยตรงไปที่องค์ประกอบของรัฐบาล ในระบบรัฐสภา การเลือกตั้ง สส. ไม่ใช่ทำหน้าที่เพียงเลือก สส.มาทำหน้าที่ตรากฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำหนดว่าใครควรเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคใดควรเป็นรัฐบาล โดยผ่านการเลือก สส.พรรคนั้นๆให้มากที่สุด  รัฐบาลชุดสุดท้ายที่สะท้อนถึงผลการเลือกตั้ง คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่สะท้อนผลจากประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยถล่มทลายในการเลือกตั้ง 2554 หลังจากนั้น ประเทศไทยของเรา ก็ไม่สามารถมีรัฐบาลในลักษณะเช่นว่าได้อีกเลย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประยุทธ์ 1 ซึ่งมาจากรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 รัฐบาลประยุทธ์ 2 ซึ่งมาจากสภาตามการเลือกตั้ง 2562, รัฐบาลเศรษฐา รัฐบาลแพทองธาร และรัฐบาลอนุทิน ซึ่งมาจากสภาตามการเลือกตั้ง 2566

นายปิยบุตร ระบุอีกว่า เมื่อองค์ประกอบของรัฐบาลไม่สะท้อนตรงตามผลการเลือกตั้ง สส.แล้ว ผลก็คือ รัฐบาลนั้นไม่มีเสถียรภาพ เกิดการรวมตัวกันของ “สหพรรค” เพื่อแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันมากกว่าการกำหนดวาระที่รัฐบาลต้องการผลักดัน เมื่อไรที่เกิดความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์หรือแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันระหว่างพรรคการเมือง รัฐบาลก็อ่อนแอหรือล้มไป หรือต้องไป “ดูด” สส.จากพรรคอื่นๆมาเติม จนทำให้ประชาชนหมดความเชื่อถือและศรัทธาในระบบรัฐสภา และรัฐบาลก็ไม่สามารถส่งมอบนโยบายหรือทำภารกิจสำคัญได้สำเร็จ

นายปิยบุตร ระบุด้วยว่า ความสำคัญของการเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569 จึงมิใช่เรื่อง พรรคใดร่วมกับพรรคใด พรรคใดไม่ร่วมกับพรรคใด เท่านั้น แต่เราต้องร่วมกันรื้อฟิ้นคืนความปกติให้กับระบบรัฐสภาไทยที่ถูกทำลายไปทุกครั้งหลังรัฐประหาร นั่นคือ สส.เลือกนายกรัฐมนตรี พรรคอันดับ 1 ตั้งรัฐบาล แคนดิเดทของพรรคอันดับ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีเป็น สส เจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง สส. เป็นตัวกำหนดองค์ประกอบของรัฐบาล

ที่มา Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล