Game Over “ล่มสภาฯ”   ฝ่ายค้านสะดุดปม "องค์ประชุม"

        เรียกว่า “วิปรัฐบาล” ไม่ต้องเปลืองแรง เพื่อแก้เกม ล่มสภา ของ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ให้เมื่อยตุ้ม

 

        หลัง “ฝ่ายค้าน” ตกหลุมกับดักตัวเองกับแผนการณ์ของ “เพื่อไทย” ว่าด้วยการตรวจสอบองค์ประชุม “เสียงข้างมากในสภาฯ” แต่ใช้แบบพร่ำเพรื่อ ไม่คำนึงถึงมิตรร่วมรบ

 

        จนกระทบกับการทำงาน “พรรคก้าวไกล” ที่กำลังจะมีผลงานในสภาฯ จากการได้คิวพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ชาวคณะร่วมกันเสนอ ที่ใช้เวลาอดทนรอคิวเป็นปี

 

        รวมถึง ผลงานในรายงานของกรรมาธิการฯ ญัตติ ที่เป็นนโยบายหาเสียงของพรรค และสามารถต่อยอดเกมการเมือง-การเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จ่อได้จะขึ้นเวที แต่กลับสะดุดเพราะเกมเตะตัดขา ล่มสภาฯ ของ “แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน” จึงไม่แปลกที่ “ส.ส.ก้าวไกล” จะส่งเสียงโวยแบบไม่เกรงใจกัน

        เมื่อพวกเดียวกันโวยกันเอง ทำให้ “วิปฝ่ายค้าน” ต้องปรับท่าที และเรียกประชุมเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนคลอดบทสรุปคือยอม “ลด” เกมตรวจสอบองค์ประชุม ให้กับ“รัฐบาล”ในบางเรื่องที่มีความจำป็น

         เรื่องที่ว่า “จำเป็น” นั้นหากดูจากระเบียบวาระประชุมแล้ว คงจำเป็นทุกเรื่อง เนื่องจากเป็นเรื่องร่างกฎหมาย รายงานกรรมาธิการฯ ที่ล้วนแล้ว “พรรคฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะ "พรรคก้าวไกล” เป็นเจ้าของเรื่อง

         หากนับเรื่องค้างพิจารณา ที่เป็นร่างพ.ร.บ. ทั้ง 30 เรื่อง มี “พรรคก้าวไกล” เป็นเจ้าของ 12 เรื่อง พรรคประชาชาติ 1 เรื่อง ของพรรคร่วมรัฐบาล 15 เรื่อง ได้แก่ ประชาธิปัตย์ 8 เรื่อง ภูมิใจไทย 5 ฉบับ ชาติไทยพัฒนา 1 เรื่อง พลังประชารัฐ 1 เรื่อง และมีร่างของภาคประชาชน 2 เรื่อง ว่าด้วยการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย

 

         ทว่า มองเชิงลึก เกมปรับท่าทีดังกล่าว มีเรื่องสืบเนื่องมาจากตัวเลขคณิตศาสตร์-เสียงในสภาฯ ว่าด้วยองค์ประชุม

         ปัจจุบัน มีส.ส.ในสภารวม 474 คน การนับองค์ประชุมกึ่งหนึ่งของตัวเลขดังกล่าวคือ 237 เสียง แต่เสียงของพรรคฝ่ายค้าน มีไม่พอเป็นองค์ประชุม เพราะมี 208 เสียงเท่านั้น

 

         หาก “ฝ่ายรัฐบาล” พร้อมใจเล่นเกม ลาประชุมยกคณะ หรือไม่ลงชื่อเป็นองค์องค์ประชุม จะทำให้ "เปิดสภาฯ" ไม่ได้ นั่นหมายความว่า งานของ “ฝ่ายค้าน” จะเดินต่อไม่ได้ และหากเกมนี้ถูกหยิบยกมาใช้ ช่วง “เปิดอภิปรายทั่วไป” หรือ "เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ย่อมทำให้เสียการใหญ่ โดยทันที

         แม้ “นิโรธ สุนทรเลขา” ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่ใช่เกมนี้ โดยอ้างว่าจริยธรรมของ “ส.ส.พรรครัฐบาล” มีสูงกว่าพรรคฝ่ายค้าน แต่ข้อเท็จจริงจริง ไม่ใช่เรื่องจริยธรรม แต่เป็นเพราะคำสั่งของ “ประธานวิปรัฐบาล” ไม่อาจแทรกแซงการทำหน้าที่ของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลได้ 

 

         โดยเฉพาะ “พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย” ที่ผู้ใหญ่ในพรรคกำชับ “ส.ส.” ทุกคน ให้ต้องรับผิดชอบกับการเข้าสภาฯ การประชุม

         แต่นั่น .. ไม่ใช่คำตอบ หรือ คำการันตี ว่า จะไม่มีทางได้ใช้

         เพราะสัปดาห์ก่อน “คีย์แมน” ของพรรคภูมิใจไทย อย่าง “ศุภชัย ใจสมุทร” ออกมาโวยว่า ฝ่ายค้านเล่นเกมค้านทุกเรื่อง และมากเกินไป เช่นเดียวกับ “แกนนำประชาธิปัตย์” ที่มองเกมฝ่ายค้านว่า จงใจล่มสภา เพื่อหวังผล “ล้มรัฐบาล” แบบน่ารังเกียจ

         ทำให้พรรคฝ่ายค้านมีความรู้สึกผวา เกมเอาคืนจากฝั่งรัฐบาลเช่นกัน เห็นได้จากการประชุมสภาฯ เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ขอเลื่อนร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่...) พ.ศ... 

 

         โดยปกติพรรคฝ่ายค้านต้องค้านทันที เพราะเลื่อนมาแทรกร่างกฎหมายของพวกเขา

 

         สิ่งที่ปรากฎ คือไม่คัดค้าน และต่อรองอีกว่า ขอ “ส.ส.รัฐบาล” ร่วมเป็นองค์ประชุมให้ถึงลำดับการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล คือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม​

 

         สุดท้ายแล้ว เกม “ล่มสภาฯ”ของ “เพื่อไทย”ที่จงใจตีรวน เร่งเกมยุบสภา กลับย้อนมาทุบหัวตัวเองจนต้องถอยเพื่อมาปรับทัพ 

         อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเกมโค่น “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ของ “ฝ่ายค้าน” จะไม่ลดราวาศอกแน่ เพียงแค่รอจังหวะ“รัฐบาล”สะดุดขาตัวเองล้มอีกครั้ง.