"ประวิตร"สั่งรักษาความปลอดภัยสูงสุดประชุม"เอเปค" ไทยเจ้าภาพ

"ประวิตร"สั่งรักษาความปลอดภัยสูงสุดประชุม"เอเปค" ไทยเจ้าภาพ

"ประวิตร" เรียกประชุม เตรียมความพร้อม รักษาความปลอดภัยการจัด "ประชุมผู้นำเอเปค" ของไทย มอบ "กองบัญชาการกองทัพไทย" ต่อต้าน "ก่อการร้าย-การชุมนุม" ชี้ ต้องร่วมมือสูงสุด เพื่อชื่อเสียงประเทศ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกการจราจร โดยมีส่วนราชการต่างๆ ร่วมประชุม ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อเตรียมการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง

โดยที่ประชุมได้รับทราบและประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวร่วมกัน รวมทั้งพิจารณาและเห็นชอบ ร่างแผนรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร การจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี 2565 มีสรุปสาระสำคัญในการกำหนดพื้นที่ปฏิบัติการ และแนวความคิดในการปฏิบัติการด้านต่างๆ เช่น ด้านการรักษาความปลอดภัย ด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร ด้านการข่าว ด้านการ แก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบ ด้านการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย เป็นต้น 

พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนด้านต่างๆ โดยให้กองบัญชาการกองทัพไทย รับผิดชอบแผนเผชิญเหตุต่อต้านการก่อการร้าย กระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบแผนส่งกลับสายการแพทย์ โดยมีกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ร่วมรับผิดชอบจัดทำแผนส่งกลับสายแพทย์ทั้งทางบกและทางน้ำ รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร

\"ประวิตร\"สั่งรักษาความปลอดภัยสูงสุดประชุม\"เอเปค\" ไทยเจ้าภาพ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี 65 นี้ ถือเป็นหน้าตาและโอกาสของประเทศไทยในเวทีนานาชาติที่ต้องการความร่วมมือกันทุกภาคส่วนอย่างสูงสุด ในการแสดงออกถึงภาพลักษณ์ของความพร้อม ความเชื่อมั่นและความเป็นหนึ่งเดียวกันและชื่อเสียงของประเทศครั้งสำคัญ ต่อการฟื้นฟูประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

จึงขอกำชับให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานต่างๆ จัดทำแผนด้านต่างๆให้ครอบคลุมความปลอดภัยในทุกการประชุมที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องกันไป ตั้งแต่ ก.พ.- พ.ย.65  ทั้งด้านการชุมนุมสาธารณะ ด้านการก่อเหตุรุนแรง และด้านความปลอดทางไซเบอร์โดยให้ความสำคัญกับสถานการณ์และข้อมูลด้านข่าวกรอง และให้มีแผนเผชิญเหตุรองรับทุกสถานการณ์ในทุกพื้นที่ที่มีการจัดประชุม เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ความมั่นคงปลอดภัยและความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติในภาพรวม