ขุมข่ายธุรกิจ-ชีวิตการเมือง “สุรชาติ เทียนทอง” คัมแบ็ก ส.ส.

เรียกว่าไม่เหนือความคาดหมายนัก และเป็นไปตาม “โพลการเมือง” ที่หลายพรรคทำไว้

ผลการ “เลือกตั้งซ่อม” ส.ส.กทม.เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) เมื่อชัยชนะตกเป็นของ “อ๊อบ” สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจาก “พรรคเพื่อไทย” ที่ได้คะแนนท่วมท้นถึง 29,416 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสอง “เพชร กรุณพล” อดีตดาราดัง ผู้สมัครจาก “พรรคก้าวไกล” ที่ได้ 20,361 คะแนน เกือบหมื่นคะแนน

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ได้รับชัยชนะ ถูกมองว่าในช่วงที่ผ่านมา “ส.ส.อ๊อบ” ลงพื้นที่อย่างหนักหน่วง และต่อเนื่อง นับตั้งแต่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 แก่ “สิระ เจนจาคะ” ที่ปัจจุบันโดนเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และส่ง “มาดามหลี” สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ภรรยามาลงแทน ทว่าพ่ายแพ้ไป ตกไปอยู่ถึงอันดับ 4 ได้คะแนนเพียง 7,906 คะแนน

คนวงในทราบกันดีว่า “สุรชาติ” คือหนึ่งใน ส.ส.กลุ่ม กทม.ของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ที่ปัจจุบันเป็นประธานพรรคไทยสร้างไทย ทำให้คะแนนจาก “ซีกสีแดง-แฟนคลับไทยสร้างไทย” หลั่งไหลเทคะแนนให้เจ้าตัวได้รับชัยชนะในที่สุด

“ส.ส.อ๊อบ” สร้างพื้นที่ในหลักสี่-จตุจักร มายาวนานกว่า 17 ปี โดยนับตั้งแต่ลงเลือกตั้งใน กทม.ปี 2554 (ส.ส.กทม. เขต 11 หลักสี่-ดอนเมือง ตามการแบ่งเขตขณะนั้น) ได้คะแนนมากถึง 28,376 คะแนน ส่วนในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 เจ้าตัวได้มากถึง 32,115 คะแนน แต่พ่ายแพ้ให้กับ “สิระ”

“สุรชาติ เทียนทอง” ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ มิใช่เพราะนามสกุล “เทียนทอง” บ้านใหญ่วังน้ำเย็น ที่ผูกขาดพื้นที่ทางการเมืองใน จ.สระแก้ว มายาวนาน แต่เส้นทางการเมืองของ “ส.ส.อ๊อบ” เรียกได้ว่าฉีกออกมาจากวงศ์ตระกูลแทบจะสิ้นเชิง

สุรชาติ เทียนทอง เป็นทายาทเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองอาวุโส แต่เกิดและเติบโตที่ซอยวิภาวดี 20 เขตจตุจักร กทม. เนื่องจากสุรชาติเป็นลูกของ จิตรา โตศักดิ์สิทธิ์ ภรรยาคนแรกของเสนาะ

ตามข้อมูลที่เปิดเผยทั่วไป เสนาะ เทียนทอง มีบุตรและธิดา 5 คน จากจิตรา โตศักดิ์สิทธิ์ 3 คน คือ สุรศักดิ์ เทียนทอง, สุรเกียรติ เทียนทอง และสุรชาติ เทียนทอง จากอุไรวรรณ เทียนทอง 2 คน คือสรวงศ์ เทียนทอง และสิริวัลย์ เทียนทอง

สมัยที่พรรคไทยรักไทยเฟื่องฟู สุรชาติ เทียนทอง เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า สนใจการเมือง แต่หากลงสมัคร ส.ส. ก็จะลงที่กรุงเทพฯ ไม่ไปสระแก้ว อยากลุยงานการเมืองด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งคำว่าบ้านใหญ่ หรือตระกูลเทียนทอง

การเลือกตั้งปี 2550 สุรชาติ เทียนทอง จึงลงสมัคร ส.ส.กทม. เขตหลักสี่,จตุจักรและบางซื่อ (เลือกตั้งพวงใหญ่) ในนามพรรคประชาราช แต่เขาประสบความพ่ายแพ้ พรรค ปชป.ชนะยกทีม และหนึ่งในนั้นคือ สกลธี ภัททิยกุล

การเลือกตั้งปี 2554 เขตหลักสี่ และเขตดอนเมือง (1 แขวง) สุรชาติ สวมเสื้อเพื่อไทย เอาชนะสกลธี ภัททิยกุล ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก

แม้จะพ่ายในสมัยที่แล้ว สุรชาติก็ลงพื้นที่มาตลอด ไม่เคยหนีหน้าไปไหน และมั่นใจว่า หากมีเลือกตั้งใหม่ ก็จะกลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้ง

อีกปัจจัยที่ทำให้ “สุรชาติ” ได้รับชัยชนะ อาจเป็นกระแสความนิยมของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากผลการ “เลือกตั้งซ่อม” ส.ส. 3 ครั้งหลังสุด (สงขลา ชุมพร และ กทม.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่ชู “นายกฯประยุทธ์” พ่ายแพ้ทั้งหมด

ในมุมทรัพย์สิน “ส.ส.อ๊อบ” แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.กทม.เขต 11 (หลักสี่-ดอนเมือง) เมื่อปี 2554 เจ้าตัวแจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 2,737,286 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวม 1,344,068 บาท มีรายจ่ายรวม 1 ล้านบาท

ในมุมชีวิต ที่ไม่ปรากฎในหน้าข่าว สุรชาติ เป็นนักธุรกิจ 

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 พบว่า “สุรชาติ” เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 3 แห่ง ยังดำเนินกิจการอยู่ 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท อีซี่ ออฟฟิศ แอนด์ โปรดักส์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2554 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 18/56 ซอยเลียบคลองสอง 25 สามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน มีนายสุรชาติ เทียนทอง เป็นกรรมการรายเดียว

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2563 มีรายได้รวม 206,625 บาท รายจ่ายรวม 1,270,841 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,064,215 บาท

ส่วนอีก 2 แห่ง พบว่า บริษัท ที เอ็น อัลทิเมท ดีไซน์ โซลูชั่น กรุ๊ป จำกัด แจ้งประกอบธุรกิจ กิจกรรมงานสถาปัตยกรรมและการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้อง แจ้งสถานะ “เสร็จการชำระบัญชี” ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัด จี โปรดักส์ แจ้งประกอบธุรกิจขาย ถุงพลาสติก ถุงขยะ ถุงกระดาษ ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า “ร้าง”

ทั้งหมดคือข้อมูลโดยสังเขปของ “ส.ส.อ๊อบ” อีกหนึ่งตระกูล “เทียนทอง” ที่ได้รับชัยชนะในเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ แต่จะครองเก้าอี้ได้ครบเทอมหรือไม่ ต้องวัดใจ “ลุงตู่” จะเดินเกมการเมืองอย่างไรต่อไป