ปชป.ชงออกเสียงประชามติเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย-ชี้สร้างสมดุลศีลธรรมของปชช.

ปชป.ชงออกเสียงประชามติเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย-ชี้สร้างสมดุลศีลธรรมของปชช.

“ชัยชนะ” ชี้บ่อนพนันถูกกฎหมาย ต้องมีการปฏิรูปในทุกมิติ ระบุ พ.ร.บ.การพนัน ล้าสมัยไม่ทันต่อสภาพสังคม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ชงออกเสียงประชามติ ทำเปิดบ่อนกาสิโน รับต้องมีความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับศีลธรรมของประชาชน

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ในรูปแบบ Entertainment Complex เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ กล่าวถึงการทำงานของคณะ กมธ.วิสามัญฯ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและศึกษาเกี่ยวกับการพนันว่า ตนมองว่าขณะนี้เรื่องการพนัน มีความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปในทุกมิติ เนื่องจากว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและรูปแบบของการพนัน

โดยทำให้ประชาชนทุกวันนี้ไม่จำเป็นจะต้องไปบ่อนการพนัน แต่สามารถทำให้รายได้หายไปในพริบตา เพราะการพนันออนไลน์ในหลายล้านเว็บไซต์จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ ว่า ประชาชนและเยาวชนจำนวนหนึ่งต้องตกเป็นเหยื่อของการพนันออนไลน์ ซึ่งจำเป็นจะต้องหามาตรการป้องกันเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ในส่วนของกฎหมายที่ควบคุมดูแลเกี่ยวกับการพนันโดยตรงก็คือ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมล่าสุด พ.ศ. 2505 นั้น ได้ล้าสมัยและไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี 

รวมทั้ง ยังไม่มีบทบัญญัติที่เหมาะสมในการแบ่งปันผลประโยชน์หรือจัดเก็บภาษีให้กับประเทศและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และขณะนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด – 19 ซึ่งรัฐบาลได้มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อกู้เงินเพื่อนำมาดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าว ซึ่งภายหลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นไป ก็จะต้องหาวิธีการนำเงินมาชดใช้คืนเพื่อรักษาสมดุลทางการเงินของประเทศ 
 

ดังนั้น วิธีการเปิดสถานบริการในรูปแบบ Entertainment Complex ที่ภาครัฐเข้าไปควบคุมดูแลเหมือนกับในหลายๆ ประเทศนั้น ก็ถือเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการหารายได้เข้าประเทศในสถานการณ์ที่ต้องการหารายได้อย่างรวดเร็วในการฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งจะได้มีการหารือกันในชั้น กมธ. ต่อไป 
    
ตนมีข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการเรื่องการพนัน โดยผมคิดว่า ในขั้นแรกจะต้องมีการควบคุมกำกับดูแลโดยหน่วยงานของรัฐ ซึ่งอาจจะใช้หน่วยงานที่มีอยู่แล้ว เช่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในการวางกฎเกณฑ์และวิธีการขอใบอนุญาตการเล่นการพนัน โดยให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเทคโนโลยีในปัจจุบัน กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ก็สามารถวางพิกัดอัตราภาษีได้ เพราะการสถานบริการแบบ Entertainment Complex นั้น เข้าข่ายเป็นบริการที่มีความฟุ่มเฟือยและสร้างผลกระทบต่อศีลธรรมอันดีและความสงบเรียบร้อยของประชาชน 

ขณะเดียวกันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. จะต้องนำมีมาตรการและวางหลักเกณฑ์ในการเปิดเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการพนันหรือควบคุมไม่ให้มีการส่งลิงค์ที่เกี่ยวข้องในช่องทางโซเซี่ยลมีเดียต่างๆ เพื่อสร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชน ต่อมา จะต้องกำหนดสัดส่วนการลงทุนในการจัดสร้างสถานที่ที่เหมาะสมในการเกิดสถานบริการรูปแบบดังกล่าว
 

โดยอาจจะให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และแบ่งสัดส่วนผลประโยชน์ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับเป็นสำคัญ อย่างเช่น ผลกำไรจากการประกอบกิจการ จะต้องแบ่งออกเป็นผลประโยชน์เข้าภาครัฐเป็นจำนวน ร้อยละ 49 และสัดส่วนร้อยละ 51 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ จากนั้น จะต้องกำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้เข้าใช้บริการ โดยพื้นฐานจะมีการจำกัดอายุผู้เล่น กำหนดรายได้ที่เหมาะสม จำกัดเวลาการเล่น รวมทั้ง วางกฎระเบียบเพื่อควบคุมไม่ให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงหากเข้าไปใช้บริการ ทั้งนี้ ผมอยากให้มีการทดลองในพื้นที่ที่มีศักยภาพความเป็นเมืองและการท่องเที่ยวสูง โดยอาจจะแบ่งเป็นภาคละ 3 แห่ง และมีการประเมินกิจการในทุกๆ 3 เดือน 

ในส่วนของการพนันที่เกี่ยวข้องกับวิถึชาวบ้านและงานมหรสพต่างๆ นั้น ก็จะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนถึงกฎเกณฑ์ในการขอใบอนุญาต รูปแบบการเล่น และจำนวนคนที่เข้าร่วม ซึ่งผมคิดว่า การตั้ง Entertainment Complex ภายในประเทศไทยนั้น ถือว่า เป็นการลดปัญหาการนำเงินไหลออกนอกประเทศ และเป็นการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร และโรงแรมที่พัก ให้กลับมาคึกคักและมีเงินหมุนเวียนภายในประเทศอีกเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้จะต้องฟังเสียงประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงอีกด้วย  ” นายชัยชนะกล่าว 

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการตั้ง กมธ.วิสามัญในเรื่องดังกล่าวนี้ ก็มีเสียงสะท้อนอย่างหลากหลาย โดยแต่ละฝ่ายมีความคิดเห็นที่ตั้งอยู่บนความปรารถนาดีของประเทศ ทั้งฝ่ายสนับสนุนที่ต้องการเอาสิ่งที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม นำมาเป็นผลประโยชน์ให้กับประเทศ เหมือนกับสลากกินแบ่งรัฐบาล และฝ่ายคัดค้านที่มองว่า จะเป็นการมอมเมาและสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อการดำรงชีวิตของประชาชน 

ดังนั้น การทำงานของคณะ กมธ. วิสามัญคณะนี้ จึงจะต้องมีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน โดยจำเป็นจะต้องมีการเชิญแต่ละฝ่ายมาให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นว่า จะเดินหน้ากันอย่างไร เพราะจะต้องมีการชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสีย และผลกระทบหากมีการดำเนินการเปิด Entertainment Complex ไปแล้ว 

“โดยท้ายที่สุด หากจำเป็นจะต้องตัดสินใจจริงๆ แล้ว ตนก็เห็นว่า กรณีแบบนี้ ถือว่าเข้าข่ายตามมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญฯ  และมาตรา 9 วรรคสอง (4) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ซึ่งจะต้องให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินใจว่า จะให้มีการเกิด Entertainment Complex หรือไม่อีกด้วย”