‘เท้ง’ ไม่เสียใจทำ MOA ภท. กู้ภาพลักษณ์ ปลุกเลือก ปชน.ตั้งรัฐบาล

‘ณัฐพงษ์’ ลั่นไม่ไร้เดียงสาการเมือง ปลุก ปชช.เลือก ‘ส้ม’ ตั้งรัฐบาลเอง ป้องถูกหักหลัง รับโทรหานายกฯ แต่ไม่รับสาย ก่อนยุบสภาฯ ย้ำจุดยืนหากมีพรรคร่วมหลังเลือกตั้ง
KEY
POINTS
- นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ยืนยันไม่เสียใจที่เคยลงนาม MOA กับพรรคภูมิใจไทย โดยชี้ว่าเป็นความพยายามผลักดันการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้สำเร็จ
- ชี้ว่าสาเหตุที่การแก้รัฐธรรมนูญล้มเหลวและนำไปสู่การยุบสภา มาจากการที่พรรคภูมิใจไทยโหวตสวนมติวิปรัฐบาลเพื่อคงอำนาจ สว. เอาไว้
- เรียกร้องให้ประชาชนเลือกพรรค ปชน. อย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อให้พรรคมีเสียงที่เข้มแข็งพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและป้องกันการถูกหักหลังทางการเมือง
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568 เวลา 12.00 น. ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคประชาชน (ปชน.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. พร้อมด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์ทิศทางของพรรค ภายหลังมี พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯ และความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา สิ่งที่เราได้เผชิญตั้งแต่พรรคก้าวไกล ถึงแม้เราชนะได้มาอันดับ 1 เราทำ MOU กับพรรคเพื่อไทย แต่เราไม่อาจผลักดันการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกฯได้ เนื่องจากมีเสียง สว.และการฉีก MOU ลง 2 ปีที่ผ่านมาเรามีการถูกถอดถอนนายกฯจากตำแหน่ง 2 คน จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 2 ปีที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลถูกยุบมาเป็นพรรค ปชน. เราผ่านกระบวนการนิติสงครามมามากมาย ทำให้ ปชน.เห็นว่า ไม่อาจผลักดันให้ไทยไปไกลกว่านี้ ถ้าไม่เดินหน้าในเรื่องของการแก้ไขระบบการเมือง กติกาสูงสุดของประเทศ ให้เป็นไปตามหลักสากล เป็นประชาธิปไตยเสียก่อน คือเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
ขอโทษประชาชน ดัน รธน.ใหม่ไม่สำเร็จ
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นที่มาเราทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทย แต่ท้ายที่สุดผลการลงมติที่ประชุมร่วมรัฐสภา และสถานการณ์ล่าสุดที่ยุบสภาฯไปแล้ว ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ปชน. และ ปชน.รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เรายังผลักดันไม่สำเร็จ และขอโทษประชาชนที่ภารกิจในครั้งนี้ แม้เราผลักดันเต็มที่ ภายใต้ข้อจำกัดทางการเมืองที่เป็นอยู่ แต่ไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดของเราได้ ในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ไปพร้อมเลือกตั้งครั้งหน้า
อย่างไรก็ตามอย่างน้อย ๆ ที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติให้มีคำถามประชามติในครั้งที่ 1 ตอนนี้เป็นข้อผูกพันตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ประชามติ ส่งไปยัง ครม.แล้ว หวังว่า ครม.รักษาการ จะดำเนินตามข้อกฎหมายที่เป็นอยู่ พยายามจัดการเลือกตั้งครั้งหน้า และมีการจัดทำประชามติในส่วนคำถามที่ 1 เพื่อให้การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เดินหน้าได้อยู่
ปลุกเลือก ปชน.ถล่มทลาย ไม่ให้เกิดการหักหลังอีก
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ความพร้อม ปชน.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ได้รับข้อมูลล่าสุดจากเลขาธิการพรรค ปชน.เช้าวันนี้ (12 ธ.ค.) ว่าเรามีความพร้อมส่งผู้สมัครครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ เน้นย้ำถึงประชาชนที่อาจติดตามว่า สิ่งที่ผ่านมา ในส่วนของ ปชน.เอง เราเดินทางมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ เราไม่ได้ต้องการตั้งพรรคมาทำงานการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ต้องการดำรงเก้าอี้ สส.ในสภาฯ เพื่อต่อรองตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีเท่านั้น เราเข้ามาทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
ในช่วงบริบททางการเมืองที่ผ่านมา นับตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562-2566 และปัจจุบัน เราเล็งเห็นแล้วว่า เสียงของประชาชนยังไม่เข้มแข็งพอ ไม่ทรงพลังพอ ปชน.เป็นยานพาหนะรวบรวมเสียงประชาชนได้เข้มแข็งพอ เราไม่อาจเอาชนะระบบกติกาการเมืองที่เป็นอยู่ และฉุดรั้งเอาไว้ ดังนั้นในครั้งหน้า พวกตนยังมีความหวังเต็มเปี่ยม เชื่อว่ามีแต่ประชาชนเท่านั้น ไม่หักหลังประชาชนด้วยกันเอง
“ภารกิจ ปชน.ครั้งต่อไป คือเลือกตั้งครั้งหน้า เอาหลังพิงประชาชนมากที่สุดให้ประชาชนมอบความไว้วางใจมากที่สุด ทั้งนโยบาย เปิดตัวทีมผู้บริหารต่อจากนี้ การประกาศความพร้อมที่จะมีผู้สมัครครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ สิ่งที่สื่อสารต่อประชาชน ให้ ปชน.เติบโตขึ้น ให้เรากำกับทิศทางรัฐบาลชุดหน้า ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
สวนกลับให้ถามนายกฯ ใครกันแน่ทำผิดเงื่อนไข MOA
เมื่อถามว่า นายกฯบอกที่ดำเนินไปไม่ผิด MOA ส่วน ปชน.มองว่าทำดีที่สุดแล้ว รัฐธรรมนูญไม่อาจแก้ได้สำเร็จ จึงเกิดเหตุการณ์วันนี้ มองอย่างไร หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า อยากตอบประเด็นเรื่องผิดไม่ผิด MOA 2 ประเด็น
1.ถ้าดูตามข้อตกลง MOA เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นไปตามเหตุผลที่นายกฯให้ และข้อเท็จจริงทางปฏิบัติเราไม่อาจลงละเอียดได้ทั้งหมด ว่าเนื้อหารัฐธรรมนูญแบบไหน ถ้าย้อนดูบันทึก กมธ.จะเห็นว่ามีการถกเถียงแตกต่างหลากหลาย ทั้ง สส. สว. ในทางปฏิบัติหลัก MOA ต้องวางเป็นหลักกว้าง ๆ ที่มีจุดมุ่งหมายนอกจากยุบสภาฯโดยเร็วที่สุด คือต้องมีการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
2.ในทางปฏิบัติ อยากให้ย้อนกลับไปดูตั้งแต่เรื่องของร่าง กมธ.เสียงข้างมาก ที่ผ่านออกมาว่าไม่มี สว. 1 ใน 3 ตั้งแต่มติวิปรัฐบาลที่เคาะมา สอดคล้องทิศทางเดียวกันว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับ กมธ.ข้างมาก นี่คือทางปฏิบัติ ไม่ใช่ลายลักษณ์อักษรตาม MOA แต่สิ่งที่ตนได้รับทราบข้อเท็จจริงตั้งแต่ช่วงเที่ยงวานนี้ (11 ธ.ค.) เราเริ่มเห็นแล้วว่า ท่าทีภูมิใจไทยอาจไม่ได้โหวตตามมติวิปรัฐบาล เป็นสิ่งที่เราตั้งคำถาม อยากให้สื่อ ประชาชนตั้งคำถามต่อนายกฯโดยตรงว่า เหตุใดภูมิใจไทยโหวตสวนมติวิปรัฐบาลตัวเอง เกิดอะไรขึ้น เราแสดงจุดยืนมาตลอด ตั้งแต่ทำงานใน กมธ. และประสานงานผ่านเพื่อนสมาชิกมาโดยตลอดว่า ปชน.ไม่อาจยอมรับได้ ถ้าหากผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่คงอำนาจ สว. 1 ใน 3 ไว้อยู่ เรื่องผิดไม่ผิด MOA อยากให้ถามคำถามในเชิงปฏิบัติกับนายกฯด้วย
รับประเมินไว้อยู่แล้ว อาจออกมารูปแบบนี้
ซักว่ารู้อยู่แล้วหรือไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องของผลเฉพาะหน้า ยืนยันอีกครั้งว่า ตอนเราเซ็น MOA กับภูมิใจไทย เราได้ประเมินไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอาจเกิดสถานการณ์นี้ขึ้น เราตัดสินใจใช้เสียงเราเท่าที่มีอยู่ ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นจริง เชื่อว่าถ้ามองย้อนไปในการเซ็น MOA ถึงปัจจุบัน กระบวนการทำรัฐธรรมนูญใหม่ ดูเป็นจริงมากสุดในช่วง 2 ปีมานี้ แต่สถานการณ์หน้างานทราบกันดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องอธิบายรายละเอียด
กระบวนการครั้งหน้า เงื่อนไขตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคือ คำถามที่ 1 ต้องทำประชามติก่อน รัฐสภาผ่านญัตติเรียบร้อยแล้ว เป็นข้อผูกมัดตามกฎหมายที่ ครม.รักษาการ ต้องดำเนินการตาม นับเป็นความหวังในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ พวกตนก็ยังไม่ได้ทิ้ง ยังเดินหน้าเต็มที่ เสียงของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยิ่งประชาชนเห็นด้วยมากเท่าไหร่ ยิ่งผลักดันรัฐธรรมนูญได้มากเท่านั้น
ยันไม่เสียใจ เคยลงนาม MOA กับภูมิใจไทย
เมื่อถามว่าเสียใจหรือไม่ที่พรรคตัดสินใจลงนาม MOA กับภูมิใจไทย หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า ไม่เสียใจใด ๆ ทั้งสิ้น ตนยืนยันไม่ได้เสียใจ กระบวนการโหวตได้รับฟังความเห็นจากสมาชิกพรรค ผู้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงเรียบร้อยแล้ว ณ เวลานั้นถ้าย้อนกลับไป มีความเห็นแตกต่างหลากหลายพอสมควร เราได้ข้อสรุปเสียงส่วนมากจากสมาชิกทุกภาคส่วนว่า เราจำเป็นต้องทำแบบนี้ การเดินหน้าประเทศไทย การจัดทำรัฐธรรมมนูญใหม่ เดินหน้าได้พร้อมกัน ณ วันนั้นทุกคนไม่สามารถบอกได้หรอกว่าเหตุการณ์วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราต้องทำอย่างดี เต็มที่ที่สุด จากเสียงที่มี แต่ ณ วันนี้การโหวตเมื่อวาน ขอนับคะแนนเสียงใหม่ ประชาชนเห็นว่าเราได้พยายามจนหยดสุดท้ายเต็มที่เพื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นทางออกประเทศ
ซักอีกว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พวกเราเข้าใจ และเฝ้าสังเกต และรู้ว่าเสียงสะท้อนของประชาชนมีความหมาย เชื่อว่าการกระทำ การทำงานของพวกเรา จะเป็นข้อพิสูจน์ รวมถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า นอกจากนโยบาย เชื่อว่า ปชน.มีความเข้มแข็งมากสุด ข้อเสนอดีสุด คือชุดทีมบริหาร ที่เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งตัวผู้สมัคร ทีมนโยบาย ผู้บริหาร จะทำให้พวกเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ลั่น ปชน.ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา พร้อมกู้ภาพลักษณ์การเมือง
มองว่าจะกู้ภาพลักษณ์จากเกมการเมืองเหล่านี้อย่างไร หัวหน้าพรรค ปชน. ตอบว่า ในส่วนของภาพลักษณ์ทางการเมือง การทำงานการเมืองตรงไปตรงมา ข้อตกลง MOA ที่เกิดขึ้น รวมถึงปัจจุบันมองว่าถูกฉีก เป็นข้อตกลงที่เราพยายามทำการเมืองแบบตรงไปตรงมาอย่างที่บอก ข้อตกลงอย่างไร ตัดสินใจในการใช้เสียง สส.ในสภาฯ ไว้วางใจโหวตนายกฯเพื่ออะไร เขียนไว้ใน MOA และแถลงต่อสาธารณชน ให้ทุกคนเข้าถึงเหมือนกันอย่างเต็มที่ที่สุด
“ในเรื่องของการดำเนินงานทางการเมืองที่ผ่านมา ผมและ ปชน.ไม่คิดว่าเป็นเด็กไร้เดียงสาแต่อย่างใด เราพยายามให้ประชาชนตัดสินกับสิ่งที่เกิดขึ้น ข้อตกลง MOA เขาอาจบอกว่าทำตามข้อตกลงทุกอย่าง บางส่วนตีความว่าหักข้อตกลงหรือเปล่า เป็นสิ่งที่คนจะต้องวิเคราะห์กัน แต่สุดท้ายคนตัดสินในคูหาเลือกตั้งคือประชาชน” หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว
เมื่อซักถึงประสบการณ์การเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปชน.มั่นใจได้อย่างไรว่า การตัดสินใจของพรรค จะไม่ทำให้ประชาชนเสียเปรียบ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราลองมองการเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงการเมืองภายใต้กฎกติการัฐธรรมนูญปี 2560 ลองดูว่าผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ช่วยกำหนดอนาคตประเทศ ตามเจตจำนงประชาชนหรือไม่ ที่ผ่านมายอมรับตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ ก้าวไกล ถึง ปชน.เราอาจยังไม่ชนะเลือกตั้ง ที่เราเข้มแข็งพอเอาเสียงประชาชนชนะขั้วอำนาจแบบเดิมที่ต้องการฉุดรั้งประเทศไว้ได้อยู่
แต่ถ้าย้อนกลับไปดูตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ คนคิดว่าเราได้ต่ำ 10 แต่เราได้ 80 กว่าที่นั่ง ก้าวไกล คนคิดว่าเราไม่น่าจะชนะ แต่เราก็ชนะมาเป็นพรรคอันดับ 1 เพราะฉะนั้นโจทย์ของพรรค ปชน.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คิดว่ามีวัตถุประสงค์เดียวคือหลังอิงประชาชน ให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อเราที่สุด ให้เราเติบใหญ่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กำกับทิศทางรัฐบาลได้จริง ไม่ถูกหักหลังทางการเมือง เพราะคิดว่าเสียงประชาชนเข้มแข็งมากที่สุด ถ้าฟังเสียงประชาชน ก็ไม่มีใครหักหลังพวกเราได้
เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้าจุดสร้างความเปลี่ยนแปลง
ถามถึงข้อตกลง MOA กับภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างน้อยถ้ามองกลับไปใน MOA มี 2 ข้อด้วยกัน คือคล้าย ๆ เป็นข้อตกลงปาท่องโก๋ คือยุบสภาฯ และจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้าย้อนไปวันโหวตนายกฯ การโหวตพรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทย หรือแคนดิเดตนายกฯคนไหนยุบสภามากน้อยกว่ากัน วิเคราะห์ผ่านมาแล้ว แต่อย่างน้อยในวันนี้เชื่อว่าสิ่งที่เราได้พยายามเต็มที่ เราเดินหน้าสู่การยุบสภาฯ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ ไปพร้อมกับอย่างน้อยคำถามแรกในการจัดทำประชามติ เปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ยังผ่านรัฐสภาไปได้
“ที่ผ่านมาไม่เคยยอมรับได้อยู่แล้ว พยายามใช้ทุกกลไกในสภาฯ ทั้งผ่านชั้น กมธ. ผ่านการสื่อสาร ผ่านสื่อมวลชน เราได้ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่ เชื่อว่าในส่วนของการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นจุดที่เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้นได้” หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีการไม่ตัดสินใจยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนหน้านี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องบอกว่ากลไกการตรวจสอบที่ผ่านมา เราทำเต็มที่ทุกช่องทาง ไม่ได้เสียใจ เมื่อวานที่อภิปรายไป เพื่อชี้ให้ประชาชนเห็นว่า ตกลงภูมิใจไทยมีความจริงจัง จริงใจในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญมากน้อยแค่ไหน ตนและพวกเรารู้ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ๆ วานนี้ (11 ธ.ค.) แล้วว่าการลงมติพรรคภูมิใจไทยจะเป็นอย่างไร แต่การทำงานการเมืองของเราตรงไปตรงมา ประชาชนติดตามการถ่ายทอดสด ต้องการชี้ให้ประชาชนเห็น
“ยืนยันจุดยืนเราว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยโหวตตาม กมธ.ข้างมาก รัฐธรรมนูญใหม่ยังเดินหน้าต่อไป ไม่มีเหตุผลยื่นซักฟอก เพราะเรายังคงเชื่อว่ามีโอกาสผลักดันผ่านวาระ 3 ได้ แต่ในเมื่อให้โอกาสแล้ว กลับกลายเป็นว่าภูมิใจไทยไม่ใช้โอกาสนั้น โหวตเห็นด้วยกับ กมธ.ข้างน้อย เอาเสียง 1 ใน 3 สว.กลับมา และนายกฯเลือกยุบสภาฯ ดังนั้นการตัดสินใจที่ผ่านมา ไม่เสียใจไม่ได้ซักฟอก เราพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ได้พยายามเอาเกมการเมืองตัวตั้ง เอาประโยชน์ประเทศเป็นตัวตั้ง ประคับประคองให้เดินหน้า ถ้าให้พูดต้องถามนายกฯ ถามภูมิใจไทยว่าทำไมตัดสินใจแบบนี้” หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว
รับโทรหานายกฯ 1 ครั้ง แต่ไม่รับสาย
เมื่อถามว่า วานนี้ (11 ธ.ค.) ได้มีการสื่อสารกับนายกฯ หรือพูดคุยหลังจากบอกว่าจะยุบสภาฯหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วานนี้ได้คุยกับสมาชิกภูมิใจไทย เนื่องจากอยู่ในสภาฯด้วยกัน แต่ตนได้มีความพยายามต่อสายถึงท่านนายกฯ 1 ครั้ง แต่ว่าท่านไม่ได้รับสาย ตนไม่ได้คุยกับนายกฯแต่อย่างใด
ซักอีกว่านายกฯบอกยุบสภาฯตามที่นายณัฐพงษ์บอก หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปดูการอภิปรายในสภาฯ ตนบอกว่าถ้าพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันที่จะโหวตตาม กมธ.ข้างน้อย คงยอมให้เข้าสู่วาระ 3 ไม่ได้ คงร้องขอให้นายกฯยุบสภา วานนี้มีตัวเลือก ตนอภิปรายก่อนการโหวต ด้วยการกดบัตร เสียงไม่เกิน 30 ก็ยังพยายามใช้วิธีนับคะแนนขานชื่อ ให้มีเวลาตัดสินใจจนวินาทีสุดท้าย คำถามกลับไปถึงนายกฯว่า ให้โอกาสขนาดนี้ ทำไมถึงเลือกแบบนี้อยู่
หมายความว่านายกฯใช้เป็นข้ออ้างใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คงตอบแทนไม่ได้ว่า อ้างหรือไม่อ้าง ลองเอาข้อเท็จจริงเหล่านี้ถามนายกฯจริง ๆ ว่า เหตุการณ์แบบนี้ ทำไมภูมิใจไทยถึงตัดสินใจแบบนี้อยู่
ถามย้อนถึงกรณีความเชื่อใจในการตัดสินใจทำ MOA กับภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอบหลายครั้งแล้ว ตอบสั้น ๆ ว่า เราไม่เคยตัดสินใจทางการเมืองด้วยความเชื่อใจส่วนบุคคล เราเชื่อในกรอบ MOA ที่ประกาศสาธารณะ ข้อผูกมัดเดียวที่บีบภูมิใจไทย หรือทุกกลุ่มก้อนการเมืองคือ ข้อตกลงที่ทำไว้ต่อประชาชน เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะตัดสินทุกพรรค
อุบไต๋ร่วม ภท.ตั้งรัฐบาลหน้า ย้ำจุดยืน ‘มีเรา ไม่มีเทา’
เมื่อถามว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่ร่วมมือกันแล้วใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องการร่วมรัฐบาลเลือกตั้งครั้งหน้า สิ่งหนึ่งจุดยืนของ ปชน.คือ มีเรา ไม่มีเทา การร่วมรัฐบาลครั้งหน้า ถ้าจำเป็นต้องเป็นพรรคร่วม แล้วมีรัฐมนตรีคนหนึ่งคนใดที่เราเห็นแล้วว่า เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสีเทาจริง ๆ เรารับไม่ได้ ส่วนสูตรร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไร เป้าหมาย ปชน.มีหนึ่งเดียว เราจะต้องขอคะแนนเสียงจากประชาชน ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวเรา เข้มแข็งเพียงพอ จัดตั้งรัฐบาล กำกับทิศทางไม่ให้ใครหักหลังเสียงประชาชนได้อีก
เมื่อถามถึงคดี 44 สส.ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนในชั้น ป.ป.ช. นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในทางกฎหมายเตรียมรับมือเต็มที่ ไม่ทำให้พวกเราเสียสมาธิแต่อย่างใด ตนเตรียมขึ้นไปประชุมกับทีมงานหลายส่วน เตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้งในครั้งหน้า สมาธิอย่างเดียวพุ่งเป้าไปที่การขอคะแนนเสียง ขอความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุด
ส่วนกรณีการผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญผ่าน MOA ไม่สำเร็จนั้น หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า ตอนที่แถลงไปก่อนหน้านี้ มีการกล่าวคำขอโทษประชาชนไปแล้ว ขอโทษอีกครั้งที่เราไม่สามารถผลักดันตาม MOA สำเร็จ คือการผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่ ให้ผ่าน 3 วาระ แต่ขอให้ทุกคนมีความหวังอยู่ การเติบโตของเรา เติบโตด้วยความหวัง การเมืองเรื่องของความเป็นไปได้ ถ้าประชาชนอยู่ข้างเรา การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นจุดตัดสำคัญ
“ในเรื่องการหักหลัง อยากให้มองว่า พรรคภูมิใจไทยได้ทำตามสิ่งที่ประชาชนคาดหวังหรือไม่ ถ้าหักหลังตาม MOA ก็จะมีลายลักษณ์อักษร สาธารณชน จัดทำ MOA คาดหวังไว้อย่างไร นอกจากยุบสภาฯ การเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ หยุดยั้งกระบวนการนิติสงคราม จะถูกหักหลังหรือไม่ อย่างไร นอกจากถามนายกฯแล้ว ให้ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ปัดดีล ‘เพื่อไทย’ ไม่ยื่นซักฟอก
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยหรือหารือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในสภาฯวานนี้ ได้คุยกับทุกพรรค
ซักอีกว่ามีกระแสข่าวว่า ปชน.ให้เพื่อไทยชะลอการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า ไม่เคยร้องขอด้วยประโยคแบบนี้ คือให้เพื่อไทยชะลอการยื่น ที่ผ่านมาอาจมีการให้ข่าวตัวแทนเพื่อไทยว่า ปชน.มีการร้องขอ ต้องบอกว่ามีการพูดคุยจริง คล้าย ๆ เปิดหน้ากระดานทางการเมืองให้ดูทั้งหมด ถ้าเพื่อไทยยื่นตอนนี้ ประเทศได้อะไร เสียอะไร และเป็นสิทธิของเขาที่จะยื่น หากเขายื่น ปชน.ก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นเดียวกัน คือไม่เคยคุยกับเพื่อไทย ขอให้ชะลอการยื่น
“คุณจุลพันธ์ให้ความเห็นได้ เพื่อไทยอาจบอกว่าเห็นไหม ประสบการณ์ผ่านมาแล้วเชื่อไม่ได้ แต่วิธีการทำงานของเพื่อไทย กับภูมิใจไทยในการร่วมรัฐบาล อาจไม่เหมือนกับของ ปชน.ที่โหวตให้นายอนุทินผ่าน MOA ที่ให้ประชาชนตัดสิน เรื่องนี้คงไม่ได้คอมเมนต์กลับไปในความเห็นของคุณจุลพันธ์ อยากให้ทุกคนเห็นวิธีการทำงานแตกต่างกันระหว่างเพื่อไทย กับ ปชน.มากกว่า” นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำถึงกรณีการตัดสินใจทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ปชน.ไม่ลืม ทุกการตัดสินใจทางการเมือง ไม่เคยเชื่อใจส่วนบุคคล ครั้งหน้าถ้าตอบคำถามนี้ชัด ๆ ไม่ให้ ปชน.ถูกหักหลังอีก เราต้องทำงานอย่างหนัก เปิดทั้งทีมบริหาร ชุดนโยบาย ผู้สมัคร ให้ได้เสียงมากพอ ไม่มีใครหักหลังเสียงประชาชนได้อีก







