วุฒิสภา ลงมติเอกฉันท์ ผ่าน "ร่างพ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น"
ที่ประชุมวุฒิสภา ใช้เวลา 19 นาที เห็นชอบเสียงเอกฉันท์ ร่างพ.ร.บ. การเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น แต่ถูกตั้งข้อสังเกต ไร้หน่วยงานดูแลชัดเจน ห่วงกฎหมายนำไปใช้ไม่ได้จริง
ที่ประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ลงมติเห็นชอบในวาระสามของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ.... ซึ่งกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ ด้วยเสียงเอกฉันท์ 179 เสียง ทั้งนี้มีผู้งดออกเสียง 2 เสียง หลังจากที่ใช้เวลาพิจารณา 19 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ.... ที่วุฒิสภา พิจารณา ไม่มีการแก้ไขเนื้อหาจากร่างที่สภาฯ พิจารณา และไม่มีผู้ใดแปรญัตติขอแก้ไข โดยมีสาระสำคัญ คือ แก้ไข พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น ปี 2542 เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองท้องถิ่น จำนวน 3,000 คน หรือ 1 ใน 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น หลังจากที่สภาท้องถิ่นอายุ หรือถูกยุบครั้งหลังสุด แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า มีสิทธิเเข้าชื่อเพื่อเสนอข้อบัญญัติได้ตามหลักเกณฑ์ ส่วนการเสนอข้อบัญญัติที่เกี่ยวกับงบประมาณ ต้องมีคำรับรองของผู้บริหารท้องถิ่นด้วย
ทั้งนี้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วยเหลือผู้มีสิทธิเข้าชื่อ จัดทำเนื้อหา ร่างข้อบัญญัติท้องถิ่น พร้อมกำหนดด้วยว่า เเมื่ประะธานสภาองค์กรท้องถิ่น รับคำร้องขอแก้ไขข้อบัญญัติท้องถิ่นแล้ว ต้องตรวจสอบความถูกต้องให้เสร็จภายใน 30 วัน เมื่อถูกต้องแล้วต้องเสนอต่อสภาท้องถิ่นโดยเร็ว และกำหนดให้ตัวแทนผู้เเสนอข้อบัญญัติร่่วมเป็นกรรมการวิสาสมั ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกรรมการวิสามัญทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้การพิจารณาเนื้อหาของร่างกฎหมายจะเรียบร้อยโดยใช้เวลาไม่นาน แต่ในช่วงการพิจารณาข้อสังเกตของกรรมาธิการฯ พบว่ามีส.ว. ทักท้วงและเสนอความเห็นเพิ่มเติมโดยเฉพาะข้อสังเกตที่ไม่มีบทกำหนดที่ชัดเจนให้หน่วยงานใดเป็นผู้ที่รับผิดชอบ รวมถึงไม่มีการเน้นย้ำให้องค์กรงเสริม สนับสนุนให้ประชาชนเข้าชื่อแก้ข้อบัญญัติท้องถิ่น ที่เป็นรูปธรรมแท้จริง จึงกังวลว่าร่างกฎหมายที่วุฒิสภาเห็นชอบนั้นอาจไม่มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง.