"นายกฯ"กำชับใช้งบฯ"โคก หนอง นา โมเดล"4,780 ล้าน ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้

"นายกฯ"กำชับใช้งบฯ"โคก หนอง นา โมเดล"4,780 ล้าน ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้

"โฆษกรัฐบาล" เผย "นายกฯ" ให้ความสำคัญ "โคก หนอง นา โมเดล" ประยุกต์ศาสตร์พระราชา ออกแบบพื้นที่ทำเกษตรยั่งยืน รองรับแรงงานอพยพกลับถิ่น เป้าหมาย 73จว. วงเงิน 4,780 ล้าน กำชับ ดำเนินการโปร่งใส ตรวจสอบได้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” ที่ได้ประยุกต์การใช้ศาสตร์พระราชา ตามหลักทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการสืบสานรักษา และต่อยอด จากทฤษฎีใหม่สู่โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ภายใต้การออกแบบพื้นที่เพื่อทำการเกษตรอย่างยั่งยืน เน้นแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร เพื่อให้เกิดสมดุลของระบบนิเวศตลอดจนการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สร้างงานสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ เป็นหลักประกันในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง 

ขณะเดียวกัน ช่วยรองรับกลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 73 จังหวัด 575 อำเภอ 3,246 ตำบล 25,179 ครัวเรือน วงเงินกว่า 4,780 ล้านบาท  ปัจจุบันได้มีการดำเนินการแล้วใน 73 จังหวัด 566 อำเภอ 22,773 หมู่บ้าน โดยได้มีการเบิกจ่ายไปแล้วจำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.20 

นายธนกร กล่าวว่า โครงการ โคก หนอง นา โมเดล ครอบคลุม 7 กิจกรรม ได้แก่ 1) การฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรม 2) ปรับปรุงพื้นที่ การสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ 3) การสร้างงานสร้างรายได้รายเดือนให้แก่เกษตรกร แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน 4) การกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน5) การบูรณาการร่วมพัฒนาพื้นที่ระดับตำบล 6) การพัฒนาสร้างมาตรฐานผลผลิต การแปรรูปและการตลาด ตามมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย และ 7) การพัฒนาระบบดิจิทัลรองรับ Local Economy ด้วยการสร้างระบบโปรแกรมและระบบฐานข้อมูลที่สามารถใช้ต่อยอดในประโยชน์ด้านต่างๆ ในอนาคต 

นายกรัฐมนตรี ติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล ซึ่งได้กำชับให้มีการดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างแท้จริง 

พร้อมชื่นชมทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ที่ได้ให้ความร่วมมือกันดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เป็นอย่างดี ร่วมกัน พลิกโฉมประเทศไทยทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน ประชาชนมีความรู้ มีกิน มีใช้ แม้ในห้วงสถานการณ์วิกฤตินี้