"นักรัฐศาสตร์" ชี้ "พรรคเล็ก" ขายตัว-ซุกพรรคใหญ่ แต่ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง

"นักรัฐศาสตร์" ชี้ "พรรคเล็ก" ขายตัว-ซุกพรรคใหญ่ แต่ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง

"อ.ตระกูล" มองกติกาเลือกตั้งเปลี่ยน พรรคเล็กต้องปรับตัว เชื่อเสนอขายตัวเองได้ ต้องมี เกรดการันตี เพื่อได้ลงส.ส.สมัยหน้า เปรียบพรรคใหญ่เป็นคอกปศุสัตว์ เคาะกะลาเข้าคอกได้

        นายตระกูล มีชัย รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเลิกพรรคประชาชนปฏิรูป ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และมีผลที่ตามมาคือพรรคการเมืองขนาดเล็กยึดเป็นแนวทางเลิกพรรคตนเองเพื่อรวมกับพรรคการเมืองใหญ่ ว่า ด้วยระบบการเลือกตั้งและกติกาที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม เป็นเงื่อนไขที่ทำให้พรรคเล็กต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ไม่มีส.ส.เขตในสังกัด เช่น พรรคพลังท้องถิ่นไท ของนายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค หรือ พรรคเสรีรวมไทยของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค เพราะหากไม่ทำอะไรอาจไปไม่รอด ซึ่งอาจเกิดกรณีทั้งพรรคเล็กรวมกันหรือไปรวมกับพรรคใหญ่ แต่สิ่งสำคัญคือ พรรคที่ไม่มีส.ส.เขต ซึ่งเป็นฐานคะแนนทางการเมืองอาจจะไปแล้วอยู่ลำบาก

        “ด้วยระบบการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลง สัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อที่ลดลงเหลือ 100 คน ยากจะทำให้ส.ส.เข้าสภา แต่การเพิ่มขึ้นของส.ส.เขตจาก 350 เขตเป็น 400 เขต นั้นไม่ใช่ว่าจะเพิ่มโอกาส เพราะพรรคใหญ่ล้วนแต่มีผู้สมัครแบบเขตคนเดิมอยู่ ซึ่งการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมาอาจมีคะแนนเป็นอันดับสอง ดังนั้นหากพรรคเล็กไปรวมต้องไปแย่งพื้นที่เขตเลือกตั้งอีก ดังนั้นหากพรรคเล็กที่ได้คะแนนเลือกตั้งรอบก่อนไม่มาก 2หมื่นถึง3หมื่นเขาอาจไม่เอา ดังนั้นการขายตัวของพรรคเล็กไม่ใช่แค่การเสนอขายแต่ต้องมีคนซื้อด้วย” นายตระกูลกล่าว

อ่านข่าว : "ชทพ." พร้อมเป็นบ้านให้ "ส.ส.พรรคเล็ก" ย้ายเข้าสังกัด

 

          นายตระกูล กล่าวด้วยว่าการเลิกกิจการของพรรคเล็กเป็นธรรมชาติทางการเมือง เพราะการเมืองไทยเหมือนระบบคอกปศุสัตว์ ที่พรรคการเมืองใหญ่มีความได้เปรียบ เคาะกะลาเข้าคอกได้ และตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ จะไม่มีนักการเมืองอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ และกรณีที่ส.ส.ขายตัวเข้าพรรคการเมืองใหญ่ เชื่อว่าจะมองว่าได้ผลประโยชน์หรือไม่ มีทุนทางการเมือง หรือไม่ มีคะแนนเสียงหรือไม่   อย่างกรณีของพรรคเสรีรวมไทย หากพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อยากเข้าไปพรรคเพื่อไทย หรือ พรรคก้าวไกล สามารถทำได้เพราะมีคะแนนนิยมส่วนตัว เรียกคะแนนได้ แต่คนอื่นในพรรคอาจไม่ได้ และกลายเป็นสัมภเวสีทางการเมือง กล่าวคือการซื้อขายตัวกันนั้น จะเลือกเฉพาะ ส.ส.เกรดเอ หรือ เอลบ ส่วนเกรดบีหรือต่ำกว่านั้นไม่เป็นที่ต้องการ