เปิด "อีเวนท์" ประเทศ "ประยุทธ์" ลากยาวรัฐบาล

เปิด "อีเวนท์" ประเทศ "ประยุทธ์" ลากยาวรัฐบาล

การเปิดประเทศภายใต้ปัจจัยในประเทศที่ยังขาดๆ เกินๆ แบบนี้จึงเลี่ยงไม่พ้น ถูกมองว่าผู้นำรัฐบาลกำลังเอาอนาคตตัวเองเป็นตัวตั้ง โดยใช้ประเทศ และชีวิตคนไทยเป็นเดิมพัน

นับเป็นเดิมพันทางการเมืองครั้งสำคัญ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แม้ตัวเลขผู้ติดโควิด-19 รายวัน จะอยู่ในระดับหมื่นคนอยู่ก็ตาม

โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว และการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว จากประเทศความเสี่ยงต่ำ เบื้องต้น 10 ประเทศ และจะพิจารณาขยายในระยะทุก 1 เดือน

โดยเฉพาะไทม์ไลน์ถัดมาคือ 1 ธันวาคม ที่ตั้งเป้าหมาย คลายล็อกมาตรการในประเทศ ชนิดที่แทบจะกลับสู่ภาวะปกติ ยกเลิกเคอร์ฟิว อนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิง โดยมองข้ามชอตไปถึงเทศกาลเฉลิมฉลอง ปีใหม่ 2565

+ อีเวนท์ ปลายปี 64 ต่อเนื่อง 65 +

เรียกว่าเป็นไฟต์บังคับให้ไทยต้องพร้อมในการเปิดเมือง เนื่องจากต้องรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์ช่วงเดือน พ.ย.นี้ ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่จะจัดขึ้นต่อเนื่องในหลายระดับลากยาวไปตลอดทั้งปี 2565 อาทิ

ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (MRT) พ.ค. 2565 ที่ไทยจะร่วมผลักดันและกำหนดทิศทางฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง  การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการลงทุนการประชุมคณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการค้าการลงทุน  21 เขตเศรษฐกิจ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นต้น

ประเทศไทยจะเป็นจุดหมายสำคัญของคนทั้งโลกที่จะเดินทางมา ถึงแม้ในใจลึกๆ ของนายกฯประยุทธ์ อาจจะไม่มั่นใจกับการรับมือ 100% แต่เมื่อโอกาสทองแบบนี้ผ่านเข้ามา ถึงไม่พร้อมก็ต้องพร้อม เพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ที่นอกจากจะช่วยต่อลมหายใจให้คนในประเทศแล้ว การเปิดประเทศยังถูกมองเป็นการช่วยต่อลมหายใจให้รัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ เช่นเดียวกัน

เปิด \"อีเวนท์\" ประเทศ \"ประยุทธ์\" ลากยาวรัฐบาล

จึงได้เห็นจังหวะการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสครั้งนี้ ที่รัฐบาลคาดหวังเม็ดเงินจากการจับจ่ายใช้สอย ผู้คนมีอาชีพ มีรายได้ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างความหวังให้คนไทย และรัฐบาลจะได้อานิสงค์เรื่องเรตติ้งไปด้วยในตัว

ในมิติการทำงานของรัฐบาล การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่มากขึ้นเรื่อยๆ จะช่วยลดแรงกดดันได้อย่างมาก ให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตเป็นปกติ เพื่อกลบความล้มเหลวในการบริหารสถานการณ์โควิด การจัดหาวัคซีน และการเยียวยาที่ไม่ทั่วถึงในช่วงที่ผ่านมา

+ “โลคอลอีเวนท์”เดินสาย-กระจายงบฯ +

การผ่อนคลายมาตรการ จะส่งผลให้ผู้คนในประเทศไปมาหาสู่กันอย่างคล่องตัว และจะเป็นจังหวะให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรี(ครม.)จัดคิวเดินสายลงพื้นที่ หลังจากนี้จะได้เห็นความถี่และความเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งปกติจะมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ หรือนำคณะไปประชุม ครม.สัญจร ตามภูมิภาคต่างๆ เป็นประจำ

โลคอลอีเวนท์ หรือการจัดโปรแกรมลงพื้นที่ท้องถิ่นส่วนนี้ เป็นความได้เปรียบที่ชัดเจนสำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่กุมอำนาจการบริหารทรัพยากร 

เป็นโอกาสหว่านเม็ดเงินเพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละพื้นที่ ผู้เกี่ยวข้องต่างหน้าชื่นตาบาน กับเทศกาลช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง ที่จะได้ของบประมาณลงจังหวัด ปรับปรุง สาธารณูปโภคพื้นฐาน ไฟฟ้า เส้นทางคมนาคม แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง เป็นต้น และยิ่งใกล้เข้าเทศกาลเลือกตั้ง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อาจได้เห็นช่วงหว่านโปรยเม็ดเงินลงพื้นที่ของรัฐบาล เพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง

เวลานั้นการเมืองจะคึกคัก ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่เครื่องยนต์ทั้งระบบทำงานเต็มสูบประเทศกลับมาเป็นขาขึ้น ผู้คนเกิดความเชื่อมั่นกล้าใช้เงิน โดยเฉพาะช่วงเฉลิมฉลองเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ ปี 2565 ถ้าช่วงไฮไลต์ตรงนี้ ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีการติดเชื้อคลัสเตอร์ใหญ่ โมเมนตัมทุกอย่างจะอยู่ข้างรัฐบาล แต่หากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน กลับมีการติดเชื้อระลอกใหญ่ ทุกอย่างก็จะโหมกระหน่ำไปที่รัฐบาลจนอาจอยู่ในอำนาจไม่ได้อีกต่อไป

 

+ กับดักใหญ่ระบาดคลัสเตอร์ต่อไป + 

ระหว่างทางในช่วงเปิดประเทศ มีกับดักอยู่รอบตัวเต็มไปหมด นับตั้งแต่ดีเดย์ 1 พ.ย. เมื่อลองสแกนไปตามจังหวัดท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติ และคนไทย กระจายตัวครบทุกภาค มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อในประเทศคลัสเตอร์ใหญ่ และกระจายตัวไปทั่วได้ทุกเมื่อ

ตรงนี้เป็นความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ เพราะยิ่งผู้คนเดินทางมาก โอกาสที่เชื้อโควิด-19 จะกระจายและติดต่ออย่างรวดเร็วในวงกว้างก็มีมากขึ้นตามไปด้วย หลายฝ่ายจึงเกิดความกังวล และตั้งคำถามว่า อีเวนท์เปิดประเทศของไทยจะนำมาสู่หายนะหรือไม่ ระบบสาธารณสุข พร้อมรองรับสถานการณ์การระบาดครั้งใหม่ มีโอกาสจะรุนแรงกว่าการระบาดระลอก 3 เพียงใด

ตรงนี้จึงเป็นจุดตายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หากเปิดประเทศแล้วไม่ปัง งานนี้อาจพังกันทั้งประเทศ หากทุกอย่างต้องกลับมาล็อกดาวน์กันใหม่ ถึงวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอย่างไรไหว

การเปิดประเทศภายใต้ปัจจัยในประเทศที่ยังขาดๆ เกินๆ แบบนี้จึงเลี่ยงไม่พ้น ถูกมองว่าผู้นำรัฐบาลกำลังเอาอนาคตตัวเองเป็นตัวตั้ง โดยใช้ประเทศ และชีวิตคนไทยเป็นเดิมพัน 

การเลือกเดินหน้าเศรษฐกิจแบบเต็มที่ โดยหวังผลทางการเมือง ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายแพงเสมอ หากแผนที่ตั้งไว้ไม่เป็นไปตามเป้าพลิกฟื้นประเทศ อาจจะต้องเผชิญการระบาดครั้งรุนแรงที่สุดของประเทศไทย ต้องปิดประเทศกันอีกรอบ คนตกงาน รัฐบาลต้องกู้เงินเยียวยากอบกู้สถานการณ์อีกเท่าไหร่